ไม่พบผลการค้นหา
การกลับมาอีกครั้งของ 'ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ' อดีตแกนนำคนเสื้อแดงหลังพ้นโทษจากการจองจำในคุก เขาออกมาร่วมขบวนคาร์ม็อบเป็นครั้งแรกเมื่อ 1 ส.ค. 2564 นับจากบรรทัดนี้ 'สุภาพบุรุษไพร่' ให้สัมภาษณ์ทุกคำถามกับ 'วอยซ์' ถึงภารกิจของเขาในการเปิดหน้าต่อสู้บนท้องถนนครั้งนี้จะยาวนานจนกว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหมจะออกไปและเกิดการเปลี่ยนแปลงจนเกิดรัฐบาลใหม่ ตามกติกาหลักการประชาธิปไตย

ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ อดีตแกนนำคนเสื้อแดง หรือ แนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) เจ้าของฉายา 'สุภาพบุรุษไพร่' ปัจจุบันเขาขับเคลื่อนกิจกรรมในนาม "คนทำงานเครือข่ายไล่ประยุทธ์ (อ.ห.ต.)" กลับมาเคลื่อนไหวอีกครั้ง หลังถอดกำไล EM เมื่อวันที่ 29 มี.ค.2564 จากคดีชุมนุมปิดล้อมบ้านพักสี่เสาเทเวศร์ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ โดยศาลพิพากษาให้จำคุก 2 ปี 8 เดือน และเวลาต่อมา 'ณัฐวุฒิ' ได้ลดโทษตามพระราชกฤษฎีกาพระราชทานอภัยโทษเมื่อปี 2563

บัดนี้ 'ณัฐวุฒิ' ได้รับอิสรภาพอิสรภาพโดยสมบูรณ์เต็มขั้น แต่ผลพวงการถูกจองจำในเรือนจำ ทำให้เขาหมดสิทธิห้ามลงสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส. เพราะติดเงื่อนไขเข้าลักษณะต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญ เนื่องจากเพิ่งได้รับโทษจำคุกและพ้นโทษมายังไม่ถึง 10 ปี

นั่นเท่ากับว่า 'สุภาพบุรุษไพร่' หมดสิทธิลงสมัครรับเลือกต้ัง ส.ส.โดยปริยาย แต่การต่อสู้นอกสภา หรือท้องถนนเพื่อเรียกร้องความเป็นประชาธิปไตยให้กลับคืนมาสู่ประเทศนั้น ยังไม่ได้จบสิ้น

ล่าสุด 'ณัฐวุฒิ' กระโดดลงถนนในรูปแบบแนวร่วมชุมนุม 'CAR MOB' ครั้งแรก เมื่อ 1 ส.ค. 2564

ถัดจากนั้น 'สุภาพบุรุษไพร่' ก็ประกาศอีกคำรบผ่านช่องทางโซเชียลมีเดียในห้วงที่แกนนำมวลชนราษฎรคนรุ่นใหม่ถูกออกหมายเรียกให้มารับทราบข้อกล่าวหา

การนัดชุมนุมครั้งแรกของ 'ณัฐวุฒิ' ในรอบหลายปี ภายใต้กิจกรรม CAR PARK เป็นการผสมระหว่าง CAR MOB + HYDE PARK เข้าด้วยกัน

"ลูกหลานรู้จักตัว พล.อ.ประยุทธ์ เป็นคนมีอำนาจมีโอกาสสูงสุดตลอดความขัดแย้ง 15 ปีที่ผ่านมาแต่ทำให้คนตายมากที่สุด เสียหายมากที่สุด กิจการวอดวายที่สุด พล.อ.ประยุทธ์ ไม่ได้ลงมือฆ่า แต่ปล่อยให้ตาย พล.อ.ประยุทธ์ ไม่ได้ทำให้คนเจ๊ง แต่แก้ไขไม่ได้ เยียวยาไม่ตรงจุด"

วันที่ 15 ส.ค. 2564 จะนับ 1 ขบวนการไล่ อ.ห.ต. ที่ 'ณัฐวุฒิ' ออกตัวว่า ไม่ใช่แกนนำ แต่เป็นเพียงคนประสานงาน เชื่อมต่อคนหลายกลุ่ม รวมพลังหลายพวก ดึงคนทุกชนชั้นในหลายเพศ หลอมรวมคนหลายวัย เข้าด้วยกัน

โดยมีธงเดียวกันคือ ไล่ 'ประยุทธ์ จันทร์โอชา' ให้พ้นจากนายกรัฐมนตรี ก่อนที่ประเทศไทยจะเข้าขั้นวิกฤตหรือโคม่าไปมากกว่านี้จากการบริหารจัดการที่ไร้ประสิทธิภาพในการแก้วิกฤตโควิด-19

ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ_Patipat_Voice_015.jpg
  • ตอนนี้คุณกลับมาต่อสู้อีกรอบแล้วใช่หรือไม่

พูดอย่างนั้นก็ได้ อันที่จริงผมติดตามความเคลื่อนไหวทางการเมืองมาโดยตลอด ปัจจุบันมีขบวนการต่อสู้ของคนหนุ่มสาว ทำหน้าที่อย่างกล้าหาญเข้มแข็ง เมื่อผมออกจากเรือนจำ ปลดกำไล EM ผมจึงประกาศเคียงข้างอนาคตของประเทศเหล่านี้

ผมไปร่วมคาร์ม็อบ ที่คุณสมบัติ บุญงามอนงค์ บก.ลายจุด จัดขึ้น โดยนัดหมายที่แยกราชประสงค์ ซึ่งอีกนัยยะหนึ่ง เคยเป็นสถานที่การต่อสู้ของคนเสื้อแดงเมื่อปี 2553 ซึ่งผมก็อยากกลับไปพบกับพี่น้องของผมที่เคยแยกย้ายกันมา ซึ่งจริงๆ การต่อสู้ของคนเสื้อแดงไม่เคยล้ม เพียงแต่ว่าเราบาดเจ็บกันมา เจ็บปวดกันมา เราก็มาพบกันใหม่

ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ_Patipat_Voice_010.jpg
"หากผู้คนรังเกียจคนเสื้อแดง ถ้าเห็นว่ามีคนใส่เสื้อสีแดงมายืนอยู่ในการต่อสู้นี้ แล้วรู้สึกว่ารับไม่ได้ ก็ไม่เป็นไร ท่านออกมาแล้วท่านยืนคนละมุม ยืนห่างๆพวกเราก็ได้ แต่ขอให้รู้เถอะว่า ที่เรายืนสู้กันมา 10 กว่าปี เราเจ็บปวดมามาก"


  • กลับมาครั้งนี้เห็นพัฒนาการของการต่อสู้ทางการเมืองอย่างไรบ้าง

ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นตั้งแต่ปีที่แล้วเป็นรูปธรรม ซึ่งไม่มีใครจินตนาการได้ว่าจะเกิดขึ้นได้ คนหนุ่มสาวนิสิตนักศึกษาออกมายืนอยู่หัวขบวน และก็ยังคงสู้อย่างมุ่งมั่นจนถึงปัจจุบัน

ผมอยากให้ผู้มีอำนาจเข้าใจว่าการปิดกั้นพัฒนาการของสังคม การบิดเบือนเจตนารมณ์ของประชาชน การสกัดขัดขวางพัฒนาการทางการเมือง มันยิ่งทำให้กลุ่มอำนาจนำเผชิญกับการท้าทายมากขึ้น และมีความแหลมคมมากขึ้น มันพิสูจน์แล้วว่าการฆ่าในปี 2553 แก้ไขปัญหาไม่ได้ การไล่จับไล่เฆี่ยนตลอดเวลาหลังจากนั้น มันไม่ได้ทำให้เรื่องจบ แต่กลับทำให้เรื่องราวมันขยายใหญ่ขึ้น ลึกซึ้งมากขึ้น และมีความละเอียดอ่อนของสถานการณ์ยิ่งขึ้น

สมัยก่อนพวกผมเดินขบวนไปที่หน้าบ้านสี่เสาเทเวศร์ ปรากฏการณ์นั้นสั่นสะเทือนทั้งประเทศ กลายเป็นวาระใหญ่ที่ผู้คนต่างออกมาตั้งคำถาม มีปฏิกิริยามากมาย แต่มา ณ ปัจจุบันนี้ เราไม่อาจคาดเดาว่าหากปล่อยไปแบบนี้อีก 3 - 5 ปีข้างหน้า เด็กๆที่เขาเติบโตขึ้นมา ซึ่งส่วนใหญ่คิดไปในทางเดียวกัน เขาจะปรากฏความเคลื่อนไหวแบบไหน จะปรากฏข้อเรียกร้องอย่างไร เป็นเรื่องที่ทุกคนในสังคมไทยต้องตระหนักร่วมกัน โดยเฉพาะฝ่ายผู้มีอำนาจ

  • จะเกิดอะไรขึ้นเมื่อความต้องการร่วมของคนรุ่นใหม่ สวนทางกับความต้องการของชนชั้นนำ

สุ่มเสี่ยง ที่อาจจะเกิดความสูญเสีย ที่อาจจะเกิดการใช้ความรุนแรงปราบปราม ผมจะเรียกร้องและใช้ความพยายามอย่างที่สุดไม่ให้มันเกิดขึ้น ไม่ใช่ว่ากล้าหรือไม่กล้า ไม่ใช่ว่าใจถึงหรือใจไม่ถึง แต่เป็นเรื่องที่ผมเคยประสบพบมา ผมเห็นว่าความอำมหิตของฝ่ายผู้มีอำนาจ มันเกินกว่าที่เราจินตนาการ และไม่มีความสูญเสียของประชาชนที่จะส่งผลกระทบต่อหัวใจของพวกเขา จำนวนคนเป็นสิบเป็นร้อยชีวิต ไม่ได้ทำให้พวกเขาคิดได้ ดังนั้น ฝ่ายประชาชนต้องเคลื่อนไหวด้วยความรอบคอบรัดกุมระมัดระวัง

ผมไม่มีปัญหาในเรื่องพัฒนาการของการต่อสู้ ผมไม่มีปัญหากับความก้าวหน้าของการเรียกร้อง แต่ผมพยายามตั้งข้อสังเกตถึงการคำนึงถึงความปลอดภัย การพยายามที่จะประคับประคองไม่ให้มันเกิดความสูญเสีย

ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ_Patipat_Voice_021.jpg
  • มองว่าม็อบปัจจุบันเสี่ยงอันตรายอย่างนั้นหรือ?

เขาไม่ได้มีเจตนาที่จะเดินเข้าไปหาอันตราย แต่ด้วยการต่อสู้ของพวกเขามันเจ็บปวดมาแล้ว มันเกิดบาดแผลมาแล้ว มันมีความรู้สึกที่ถูกทำลาย มันมีร่างกายและอิสรภาพที่ถูกทำร้าย สิ่งเหล่านี้มันทำให้เกิดเป็นความกดดัน เป็นภาวะอารมณ์ความรู้สึกที่ต้องการจะขยับไปสู่ชัยชนะมากขึ้น ต้องการยกระดับความเข้มข้นของการต่อสู้มากขึ้น

ซึ่งถ้าผมเป็นผู้มีอำนาจ ผมจะไม่มองพวกเขาด้วยสายตาของรัฐ ผมจะไม่มองพวกเขาด้วยสายตาของคนถือกฎหมาย ถือกระบอกปืน แต่ผมจะมองพวกเขาด้วยสายตาของคนเป็นพ่อแม่ ของคนเป็นผู้ใหญ่ ไม่ใช่ความผิดของลูกหลานเลย ที่พวกเขาจะลุกขึ้นปฏิเสธสังคมที่ถูกทำให้บิดเบี้ยวมา 10 กว่าปี ไม่ใช่ความผิดของลูกหลานเลย ที่พวกเขาจะเรียกร้องอนาคตที่ดีกว่า เพราะพวกเขารู้ว่าสิ่งที่เป็นอยู่นี้ มันไม่มีอนาคตสำหรับคนรุ่นเขา

  • กลับมาครั้งนี้ คุณจะเคลื่อนไหวอย่างไรบ้าง

ผมกำลังประสานงานกับกลุ่มต่างๆ เพื่อที่จะออกมาแสดงพลังในการขับไล่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ให้ได้มากขึ้น ให้เข้มข้นขึ้น ให้มีแรงกดดันของข้อเรียกร้องไปถึง พล.อ.ประยุทธ์ ได้สูงขึ้น ซึ่งขณะนี้กำลังทำงานอยู่ คือตั้งแต่ตัดสินใจออกมาร่วมคาร์ม็อบ ผมก็คิดต่อเลยว่า หลังจากวันที่ 1 ส.ค. คาร์ม็อบบวกๆ มันต้องทำยังไง หมายความว่าที่เขาตั้งต้นไว้ดีแล้ว แต่การเคลื่อนไหวทางการเมือง มันจะทำให้ผู้คนที่เขาเริ่มเดินเข้ามาในขบวน รู้สึกว่าทุกครั้งก็อย่างเดิมคงไม่ได้ ดังนั้น เป็นเรื่องที่จะต้องช่วยกันคิดช่วยกันทำ ในขณะเดียวกัน ประชาชนที่ยังไม่ได้อยู่ในขบวนการต่อสู้ หรืออาจจะมีความรู้สึกวิตกกังวลในแง่มุมต่างๆที่จะออกมาต่อสู้ก็ตาม เราต้องให้ความมั่นใจกับเขาว่า มันทำได้  ไม่ได้เป็นการทำลายชาติ ทำลายสังคม และมันปลอดภัย นี่เป็นสิ่งที่ผมพยายามส่งสัญญาณ

ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ_Patipat_Voice_006.jpg
  • ลุยเดี่ยวหรือในนาม นปช.

นี่ไม่ใช่การออกมาสู้ในนาม นปช. นี่ไม่ใช่การออกมาประกาศนำการต่อสู้โดยตัวผม ขบวนการนี้ยิ่งเดินไปนายณัฐวุฒิ ต้องยิ่งตัวเล็กลง ผมอาสาเป็นคนทำงาน พยายามประสานเชื่อมต่อ ให้การขยับตัวในรอบต่อไป มันทำได้พร้อมกันทั้งประเทศทุกจังหวัด ให้สามารถที่จะได้เห็นพลังของประชาชน กำหนดข้อเรียกร้องส่งตรงถึงอำนาจรัฐ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ต้องตัดสินใจ เครือข่ายที่โอบอุ้ม พล.อ.ประยุทธ์อยู่ ไม่ว่าจะเป็นองค์กร กลุ่มอิทธิพล หรือภาคธุรกิจ ภาคทุนใดๆก็ตาม ต้องตัดสินใจ การที่ พล.อ.ประยุทธ์ ยังอยู่ในอำนาจ ยังคงโชว์ความผิดพลาดในการแก้ไขปัญหาอยู่ทุกวันเช่นนี้ โดยมีหลังพิงเป็นกลุ่มอำนาจนอกระบบ กลุ่มเครือข่ายอำนาจพิเศษใดๆก็ตาม มันจะสั่นสะเทือนไปด้วยกัน

  • มีข้อเรียกร้องอะไรบ้าง

ข้อเรียกร้องคือให้ พล.อ.ประยุทธ์ ตัดสินใจลาออกทันที ทั้งนี้ เป็นข้อเสนอส่วนตัวของผม นั่นหมายความว่าระหว่างทาง ถ้าหากมีข้อเสนอใดก็ตามที่มันแข็งแรงกว่า ชัดเจนกว่า ผมพร้อมที่จะน้อมรับ เราไม่ได้ออกมาต่อสู้เพื่อให้ทุกอย่างเป็นไปอย่างที่เราต้องการ แต่เราต้องการให้ทุกอย่างเป็นไปอย่างถูกต้อง แล้วคนส่วนใหญ่ยอมรับได้

เมื่อ พล.อ.ประยุทธ์ ลาออก สภาก็ต้องเลือกนายกรัฐมนตรีคนใหม่ ก็เลือกตามรัฐธรรมนูญปัจจุบัน มีแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีกี่คนเลือกตามนั้น ถ้าเลือกไม่ได้รัฐสภาก็ต้องเดินตามมาตรา 272 วรรคสอง ให้มีการโหวตนายกฯคนนอก นายกฯ คนนอกของผมไม่ใช่นายกฯ นอกสภา แต่หมายถึงนายกฯ นอกบัญชีแคนดิเดตของพรรคการเมือง แต่ต้องเป็น ส.ส.ในสภาเท่านั้น ดังนั้น ข้อเสนอนี้นายกฯมาจากสองแบบ ไม่ในบัญชีแคนดิเดตก็ ส.ส.ในสภา

ในขั้นตอนการโหวตนายกฯ ส.ว.ต้องงดออกเสียง หลังจากนั้นให้ทำ 3 เรื่องเร่งด่วน ก็คือรื้อกระบวนการแก้ไขปัญหาโควิด นายกฯต้องลงมาเป็นเจ้าภาพเอง โดยเฉพาะเรื่องการจัดหาวัคซีน ลงมือทำเอง ตั้งกรรมการอะไรให้มันยุ่งยากวุ่นวาย ไม่ต้อง รื้อออกให้หมด สองแก้ไขรัฐธรรมนูญ ให้มี ส.ส.ร.จากการเลือกตั้งของประชาชน ร่างใหม่ แล้วก็แก้ไขรัฐธรรมนูญให้ตัดอำนาจ ส.ว.ไม่ให้โหวตนายกรัฐมนตรีได้

ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ_Patipat_Voice_005.jpg
  • ได้มีการชักชวนใครร่วมขบวนการบ้าง

มีทั้งเครือข่ายเดิมและเครือข่ายใหม่ทั่วประเทศ ขณะนี้ภารกิจของผมคือคุยกับคนหลายกลุ่มทุกวันและทั้งวัน มีทั้งการจับกลุ่มแลกเปลี่ยนพูดคุยกันบ้าง พูดคุยกันเฉพาะบุคคลบ้าง และพูดคุยกันผ่านระบบซูมบ้าง

  • ชวน จตุพร พรหมพันธุ์ ประธาน นปช.ด้วยหรือไม่

ยังไม่ได้คุยกัน ตั้งแต่ผมออกจากเรือนจำก็ไม่ได้คุยกันเรื่องแนวทางการต่อสู้ คุณจตุพรมีเครือข่ายไทยไม่ทน ก็ขับเคลื่อนกันอยู่ ส่วน นปช. ไม่ได้มีสภาพการเป็นอยู่มาเกือบ 3 ปีแล้ว ไม่ได้มีการประชุม ไม่ได้มีการหารืออะไรกันในกลุ่มแกนนำ แต่คนเสื้อแดงยังมีอยู่อย่างเต็มภาคภูมิและเต็มเกียรติยศของนักต่อสู้ และพร้อมร่วมมือกับประชาชนผู้รักประชาธิปไตยทุกกลุ่ม

  • สถานการณ์โควิดเหมือนจะเป็นอุปสรรคต่อการชุมนุมอยู่

โควิดยังอยู่ประยุทธ์ยิ่งต้องไป ถ้าประยุทธ์ไม่ไป โควิคที่อยู่ มันจะร้ายแรงมากขึ้น เพราะแก้ไขปัญหาไม่ได้ ถ้าคิดในมิติทางบริหาร ไม่ต้องเอาการเมืองไปจับ เป็นผู้บริหารภาคเอกชนเขาไล่ออกไปตั้งนานแล้ว เพราะยามที่นำพาองค์กรเผชิญวิกฤต แต่แล้วกลายเป็นวิบัติพินาศวอดวายแบบนี้ อยู่ต่อไม่ได้แล้ว

แต่นี่ พล.อ.ประยุทธ์ อยู่เพราะว่าเป็นเด็กเส้น พล.อ.ประยุทธ์ อยู่เพราะว่ามีจิ๊กโก๋ มีนักเลงถือปืนอยู่ในอาณัติ พล.อ.ประยุทธ์ อยู่ เพราะว่าใครส่งเสียงถาม ส่งเสียงไล่ ก็ไล่ทุบ ไล่ตี ไล่จับไปขัง ผมก็เลยต้องออกมา และเมื่อออกมาแล้ว ก็จะทำอย่างเต็มกำลังความสามารถ ให้บรรลุเป้าหมาย ผมไม่ได้ประกาศว่ามันต้องสำเร็จแน่ ผมไม่ได้ตะโกนว่านี่คือม้วนสุดท้ายม้วนเดียวจบ แต่ผมบอกว่าผมเป็นคนหนึ่งที่จะร่วมกับคนจำนวนมากทั้งประเทศ ทำเรื่องนี้สุดความสามารถ และด้วยหลักสันติวิธี แต่ก็เป็นสันติวิธีแบบเข้มข้นอย่างที่ผู้คนเขาเห็นชอบร่วมกันและทำร่วมกันได้

ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ_Patipat_Voice_007.jpg
" ที่พวกเขาจะลุกขึ้นปฏิเสธสังคมที่ถูกทำให้บิดเบี้ยวมา 10 กว่าปี ไม่ใช่ความผิดของลูกหลานเลย ที่พวกเขาจะเรียกร้องอนาคตที่ดีกว่า เพราะพวกเขารู้ว่าสิ่งที่เป็นอยู่นี้ มันไม่มีอนาคตสำหรับคนรุ่นเขา"
  • หลังจากนับหนึ่งแล้ว จะมีการยกระดับหนึ่งหรือไม่อย่างไร

มันต้องเดินต่อด้วยการยกระดับ การเคลื่อนไหวมันไม่มีอะไรเป็นที่สุด ถ้ามีการยกระดับและ พล.อ.ประยุทธ์ ตอบสนองต่อข้อเรียกร้องลาออก การเคลื่อนไหวนี้จะไม่ดำรงอยู่

การต่อสู้ครั้งนี้จะยาวนานจนกว่า พล.อ.ประยุทธ์ จะออกไปและเกิดการเปลี่ยนแปลงจนเกิดรัฐบาลใหม่ ตามระบบกติกาตามหลักการประชาธิปไตย และถ้ามันเป็นอย่างนั้นกระบวนการต่อสู้ของคนหนุ่มสาว ขบวนการต่อสู้เรียกร้องการเปลี่ยนแปลงก็จะยังไงเดินต่อไป

พล.อ.ประยุทธ์ ไม่มีความชอบธรรม ไม่เหลือความเชื่อมั่นที่จะแก้ปัญหานี้ ยกตัวอย่างง่ายๆว่า เวลานี้ขบวนการต่อสู้ก็มีหลายเฉด แต่ทุกเฉด มันมาตกผลึกตรงเฉดเดียวกันคือ เฉดหัวประยุทธ์ออกไปก่อน ดังนั้น ผมก็คิดว่าเรามาช่วยกันทำเรื่องนี้ ส่วนกระบวนการต่อสู้ของคนหนุ่มสาว การประกาศอุดมการณ์ความเปลี่ยนแปลงของพวกเขาผมเคารพ ไม่เคยก้าวล่วงและไม่เคยวิตกกังวลที่ประกาศยืนเคียงข้าง และยังคงยืนหยัดจุดยืนเดิมเช่นนั้น

  • อยากบอกอะไรกับคนที่ยังเชียร์รัฐบาล

ถ้าท่านยังรักชอบ พล.อ.ประยุทธ์ ยังเชียร์รัฐบาลชุดนี้อยู่ เป็นสิทธิของท่าน ผมเคารพ และผมจะไม่เรียกร้องเฝ้าง้อรอคอย ให้ท่านออกมาสู้ด้วยกัน ไล่ประยุทธ์ด้วยกันกับเรา แต่ขอให้ท่านได้โปรดเข้าใจว่า พล.อ.ประยุทธ์ ไม่มีศักยภาพในการแก้ไขวิกฤตนี้ รักเชียร์ได้ แต่ต้องเปิดโอกาสให้กับคนทั้งประเทศ เขาได้รับการแก้ไขปัญหา ได้รับการบริหารจัดการที่ดีกว่า ผมรู้ว่าสู้กันมา 10 กว่าปี มันมีคนจำนวนหนึ่ง ตัดสินใจเลือกข้างของตัวเองไปแล้ว และคนกลุ่มนี้จะไม่เปลี่ยนแปลง พวกที่ยืนฝ่ายประชาธิปไตยก็จะยื่น ฝ่ายที่เห็นต่างหรือที่ถูกเรียกว่าสลิ่มก็จะยืน เราเคารพกัน แต่วันนี้มันไม่ใช่เรื่องนั้น

วันนี้มันเป็นเรื่องบ้านเมืองจะไปไม่รอด ถ้า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ยังคงเป็นนายกรัฐมนตรีอยู่ แต่เชียร์ก็ว่ากันไป แต่เอาประยุทธ์ออกไปก่อน ให้คนอื่นมาแก้ปัญหา ถ้าหากมีการเลือกตั้งคราวหน้า ประยุทธ์ส่งสมัครอีก ก็เลือกประยุทธ์กันเข้าไป ผมไม่ได้ว่าอะไร

ผมเป็นคนเสื้อแดง และผมเป็นทั้งชีวิต ผมจะใส่เสื้อสีอะไร คนเขาก็บอกว่าไอ้นี่แหละเสื้อแดง ซึ่งมันจริง และผมเชื่อว่าพี่น้องเสื้อแดงที่เคยต่อสู้ด้วยกันมา จิตวิญญาณเขามีอย่างเต็มเปี่ยมและไม่คิดที่จะเปลี่ยน ถ้าหากผู้คนรังเกียจคนเสื้อแดง ถ้าเห็นว่ามีคนใส่เสื้อสีแดงมายืนอยู่ในการต่อสู้นี้ แล้วรู้สึกว่ารับไม่ได้ ก็ไม่เป็นไร ท่านออกมาแล้วท่านยืนคนละมุม ยืนห่างๆพวกเราก็ได้ แต่ขอให้รู้เถอะว่า ที่เรายืนสู้กันมา 10 กว่าปี เราเจ็บปวดมามาก

เราผ่านพบการดูถูกเหยียดหยาม การด้อยค่าสารพัด แต่เราก็ยังยืนอยู่จนถึงทุกวันนี้ ดังนั้น ถ้าใครจะคิดว่าไอ้คนใส่เสื้อสีแดงมันไม่ควรค่าที่จะยืนเคียงข้างด้วย ก็ไม่เป็นไร เราก็ยืนของเราด้วยความจริงใจ ที่จะร่วมมือกับคนทุกกลุ่ม ด้วยความรู้สึกที่ตรงไปตรงมา ว่าเราไม่ได้ออกมานำเขา เราออกมาเป็นเพื่อนกัน แล้วออกมายืนมาเดินด้วยกันเท่านั้น

ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ_Patipat_Voice_027.jpg
"นายกฯ คนนอกของผมไม่ใช่นายกฯ นอกสภา แต่หมายถึงนายกฯ นอกบัญชีแคนดิเดตของพรรคการเมือง แต่ต้องเป็น ส.ส.ในสภาเท่านั้น"
  • เห็นว่า ธนัตถ์ ธนากิจอำนวย (ลูกนัท) อดีตผู้สมัคร ส.ส.กทม. พรรคประชาธิปัตย์ ขอโทษคนเสื้อแดงผ่านคุณด้วย

ผมคิดว่าเป็นการกระทำต่อกันอย่างลูกผู้ชาย ผมจะปฏิเสธการแสดงออกนั้นไม่ได้ นายณัฐวุฒิมันไม่ได้ยิ่งใหญ่พอที่จะให้ใครต่อใครมาขอโทษ แต่คนเสื้อแดงยิ่งใหญ่เกินพอสำหรับรับคำนี้ เพราะสิ่งที่ถูกกระทำมามันหนักหนาสาหัส มากกว่ากระบวนการต่อสู้ทุกกลุ่มในประวัติศาสตร์ทางการเมืองไทย เพราะคนเสื้อแดงยืนหยัดในการต่อสู้มาแล้ว 10 กว่าปี เจอมาแล้วทุกรูปแบบ

ผมรู้สึกภาคภูมิใจในฐานะคนเสื้อแดงคนหนึ่ง ว่าการต่อสู้ของพวกเราไม่สูญเปล่า การต่อสู้ของพวกเรา ได้ถูกโอบรับโดยลูกหลาน ที่แม้ว่าเขาไม่ได้มีส่วนร่วม ณ วันนั้น แต่เขาโตมาเขาศึกษาเกิดความเข้าใจ นี่มันเป็นเกียรติยศของคนเสื้อแดง นี่เป็นการเยียวยาบาดแผลของความเจ็บปวดสูญเสียให้กับคนเสื้อแดงอย่างสำคัญ

พี่น้องผมจำนวนมากถูกกดดันถูกสถานการณ์บีบคั้น จนว่างเว้นจากการใส่เสื้อสีแดง ที่เคยต่อสู้ออกสู่ที่สาธารณะเป็นเวลานาน แต่พวกเขาไม่เคยทิ้งเสื้อตัวนั้น พวกเขาไม่เคยทิ้งตีนตบ หัวใจตบ พวกเขาไม่เคยทิ้งผ้าพันคอ และข้าวของทุกอย่างที่ใช้ในการต่อสู้ แล้ววันนี้พวกเขาเปิดตู้เสื้อผ้าแล้วเอามันกลับมา แล้วใช้มันในการออกมาต่อสู้อีกครั้ง ผมภูมิใจกับสิ่งนี้ ผมภูมิใจกับพี่น้องและผมภูมิใจที่ผมเป็นคนเสื้อแดง

ณัฐวุฒิ เสื้อแดง นปช คาร์ม็อบ 848_1110234120648127851_n.jpg
  • อยากบอกอะไรกับ พล.อ.ประยุทธ์

ลาออกเถอะครับ เดินลงจากอำนาจ อย่าดึงดันจนต้องหงายหลังลง ท่านไม่ได้กังวลกับสถานการณ์บ้านเมือง ท่านไม่ได้รู้สึกรู้สากับชะตากรรมของประชาชน ขอให้คิดว่าเครือข่ายอิทธิพลใดๆที่อุ้มท่านอยู่เขาจะเดือดร้อนไปด้วย และจะหนักหนาสาหัสขึ้นเรื่อยๆ ดังนั้นผมไม่มีข้อแนะนำอื่นนอกจากลาออกตั้งแต่เสียบัดนี้เป็นต้นไป

ผลของการกระทำและการตัดสินใจของ พล.อ.ประยุทธ์ ผิดพลาด เป็นวัวสันหลังหวะ เป็นนายกรัฐมนตรีที่นั่งทับอุจจาระกองใหญ่ จากการบริหารงานที่ล้มเหลวเอาไว้ ถ้าไม่เปลี่ยนแปลงเรา ก็จะอยู่อย่างสิ้นหวัง

  • อยากเชิญชวนคนมาร่วมกับคุณอย่างไรบ้าง

เรามาสู้ด้วยกันนะครับ มาสร้างความเปลี่ยนแปลงด้วยกัน ผมไม่ได้ประกาศตัวว่าผมเป็นผู้นำ เป็นแกนนำในการต่อสู้นี้ ผมเป็นคนทำงานคนหนึ่ง ซึ่งจะทำงานร่วมกันกับแต่ละกลุ่ม ท่านไม่ได้เดินตามณัฐวุฒิมา ไม่ได้เดินตามเสื้อแดงมา ท่านเดินตามความคิดของท่านเอง เดินตามความจริงที่ท่านประสบ เดินตามการตกผลึกจากเรื่องราวทั้งหมดที่ท่านหาข้อสรุปให้กับตัวเองได้ เรามายืนเคียงข้างกัน มาสร้างความเปลี่ยนแปลงด้วยกันตรงนี้ เรามาในฐานะประชาชน กลุ่มก้อนใดๆที่เราสังกัด มันไม่ได้ยิ่งใหญ่กว่าคำว่าประชาชน ที่เป็นเจ้าของอำนาจสูงสุดและพวกเราก็เป็นเท่าๆกันทุกคนครับ

ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ_Patipat_Voice_014.jpgณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ_Patipat_Voice_017.jpg

ข่าวที่เกี่ยวข้อง