เรียกว่า ‘ปรับเล็ก’ แต่สั่นสะเทือนไปทั้ง ทบ. โดยเฉพาะกองทัพภาคที่ 1 การวัดพลังภายใน ตท.28 หลังตีรุ่น ตท.27 จนแตกพ่ายไปแล้ว ในการเป็น ‘แคนดิเดต’ ชิงเก้าแม่ทัพภาคที่ 1 โผโยกย้ายนายพล ปลายปี ก.ย.นี้
หลัง ‘บิ๊กบี้’พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผบ.ทบ. ขยับ ‘บิ๊กกอล์ฟ’ พล.ต.สราวุธ ไชยสิทธิ์ (ตท.28) ผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 2 (ผบ.พล.ร.2 รอ.) ขึ้นเป็น รองแม่ทัพภาคที่ 1 แทน ‘บิ๊กหมี’พล.ต.ไกรภพ ไชยพันธุ์ รองแม่ทัพภาคที่ 1 ที่โยกไปเป็น ผู้บัญชาการ ร.ร.นายร้อยพระจุลจอมเกล้า
ทั้งนี้ พล.ต.สราวุธ เพิ่งขึ้นเป็น ผบ.พล.ร.2 รอ. ได้เพียงแค่ 6 เดือนเท่านั้น และ พล.ต.สราวุธ ได้เข้ารับการ ฝึกหลักสูตรทหารรักษาพระองค์ ของกรมทหารมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ (ทม.รอ.) เปลี่ยนจาก ‘ทหารคอเขียว’ มาเป็น ‘ทหารคอแดง’ มีคุณสมบัติครบถ้วน สามารถขึ้นชิง แม่ทัพภาคที่ 1 กับ ‘บิ๊กไก่’พล.ต.วรยศ เหลืองสุวรรณ เพื่อน ตท.28 ที่เป็น ‘ทหารคอแดง’ มาก่อน เพราะเคยเป็นผู้บัญชาการกองพลที่ 1 รักษาพระองค์ (ผบ.พล.1 รอ.)
(พล.ต.สราวุธ ไชยสิทธิ์ ผบ.พล.ร.2 รอ.)
(พล.ต.อมฤต บุญสุยา รองแม่ทัพภาคที่ 1)
(พล.ต.วรยศ เหลืองสุวรรณ รองแม่ทัพภาคที่ 1)
โดยในระนาบ ‘รองแม่ทัพภาคที่ 1’ ยังมี ‘บิ๊กใหญ่’พล.ต.อมฤต บุญสุยา (ตท.27) อีกคน ที่เติบโตมาจากสายทหารเสือฯ กรมทหารราบที่ 21 รักษาพระองค์ สายเดียวกับ ‘3ป.บูรพาพยัคฆ์’ เป็นแคนดิเดตแม่ทัพภาคที่ 1
เส้นทางการเติบโตของ พล.ต.สราวุธ คล้ายกับ ’บิ๊กปู’พล.ท.พนา แคล้วปลอดทุกข์ (ตท.26) แม่ทัพภาคที่ 1 ย้อนกลับไป กลางปี 2565 ขณะที่ พล.ท.พนา เป็น รองแม่ทัพภาคที่ 1 ได้เข้ารับการฝึกหลักสูตรทหารรักษาพระองค์ ของกรมทหารมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ (ทม.รอ.) เพียงคนเดียว เพื่อเป็น ‘ทหารคอแดง’ ให้ทันการโยกนายพลปลายปี 2565 ที่ผ่านมา เพื่อรับตำแหน่ง แม่ทัพภาคที่ 1 นั่นเอง
พล.ท.พนา เติบโตมาจากกรมทหารราบที่ 31 รักษาพระองค์ (ร.31 รอ.) เหมือนกับ พล.อ.ณรงค์พันธ์ จนขึ้นเป็นผู้การ ร.31 รอ. ก่อนโยกมาเป็น เสธ.พล.1 รอ. จากนั้นไปโตที่ กองพลทราบราบที่ 11 (พล.ร.11) จนขึ้นเป็น ผบ.พล.ร.11 หรือ กองพลสไตรเกอร์ ที่ตั้งขึ้นยุค ‘บิ๊กแดง’พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ขณะเป็น ผบ.ทบ. จากนั้น พล.ต.พนา ก็เข้ากรุงอีกครั้ง มาเป็น รองแม่ทัพภาคที่ 1
(พล.ท.พนา แคล้วปลอดทุกข์ (ตท.26) แม่ทัพภาคที่ 1)
สำหรับ พล.ท.พนา ถูกจับตาว่าจะขึ้นเป็น ผบ.ทบ. ในอนาคต โดยการแต่งตั้งโยกย้ายนายพล ก.ย.นี้ พล.ท.พนา ก็จะขึ้นตำแหน่ง ‘5 เสือ ทบ.’ รอไว้ก่อน เพราะหลังจาก พล.อ.ณรงค์พันธ์ ผบ.ทบ. เกษียณฯ ก.ย.นี้ ก็จะส่งต่อให้ ‘บิ๊กต่อ’พล.อ.เจริญชัย หินเธาว์ รอง ผบ.ทบ. (ตท.23) ที่เติบโตมาจากสายทหารเสือฯ ร.21 รอ. จะเกษียณฯ ก.ย. 2567 จากนั้น พล.ท.พนา ก็จะขึ้นเป็น ผบ.ทบ. เกษียณฯ ก.ย. 2570
หลังจาก พล.ท.พนา (ตท.26) เกษียณฯ ก็จะส่งต่อให้ ตท.28 ที่มาแรงใน ทบ. และกำลังแผ่ขยายไปยังเหล่าทัพอื่นๆ แน่นอนว่าแคนดิเดตชิงแม่ทัพภาคที่ 1 ตท.28 มีอยู่แล้ว 2 คน คือ พล.ต.วรยศ กับ พล.ต.สราวุธ ทว่างานนี้มีการให้จับตาว่าจะมี ‘ม้ามืด’ ซ่อนอยู่ใน ตท.28 อีกหรือไม่ ที่อาจมาชนิด ‘ปาดหน้า’ ก็เป็นได้
(พล.อ.เจริญชัย หินเธาว์ รองผบ.ทบ.)
สำหรับ พล.ต.สราวุธ เติบโตมาจากกรมทหารราบที่ 1 รักษากระองค์ (ร.1 รอ.) ก่อนจะไปโตที่กองพลทหารราบที่ 9 (พล.ร.9) แต่ได้สร้างความฮือฮาตั้งแต่โผทหารนายพล ก.ย.65 ที่ไปขึ้นเป็น ‘ผู้บัญชาการกองพล’ ที่ พล.ร.2 รอ. ทั้งที่ไม่เคยผ่านการคุมกำลังหน่วย พล.ร.2 รอ. มาก่อน จนล่าสุดได้ขึ้นเป็น รองแม่ทัพภาคที่ 1 มีอายุราชการถึงปี 73 ส่วน พล.ต.วรยศ เติบโตมาจาก กรมทหารราบที่ 12 รักษาพระองค์ (ร.12 รอ.) หน่วยภายใต้ พล.ร.2 รอ. ถิ่นบูรพาพยัคฆ์ แต่มาขึ้นเป็น ‘ผู้บังคับกองพล’ ที่ พล.1 รอ. มีอายุราชการถึงปี 2571
แต่งานนี้ศึก ทบ. กลับลามไปถึง บก.กองทัพไทย เพราะแคนดิเดตชิง ผบ.ทบ. ในปีนี้มี 2 คน นอกจาก พล.อ.เจริญชัย ยังมี ‘บิ๊กโต’พล.อ.สุขสรรค์ หนองบัวล่าง ผู้ช่วย ผบ.ทบ. ที่เป็นเพื่อน ตท.23 ด้วยกัน เติบโตจาก พล.ร.2 รอ. สายบูรพาพยัคฆ์ แต่หากนับอาวุโส พล.อ.เจริญชัย ติดยศ ‘พลเอกพิเศษ’ ก่อนแล้ว ดังนั้นทำให้ชื่อ พล.อ.สุขสรรค์ จะต้องโยกออกไปเป็น ผบ.ทหารสูงสุด หรือไม่ แต่ก็ต้องไปช่วงชิงกับ ตท.24 ที่เป็นแคนดิเดต ผบ.ทหารสูงสุด อยู่แล้ว
หลัง‘บิ๊กแก้ว’พล.อ.เฉลิมพล ศรีสวัสดิ์ ผบ.ทหารสูงสุด ที่เป็น ‘ทหารคอแดง’ คนแรก จะเกษียณฯ ก.ย.66 โดยมี ‘บิ๊กอ๊อบ’พล.อ.ทรงวิทย์ หนุนภักดี รองผบ.ทหารสูงสุด ที่ข้ามห้วยมาจาก ทบ. มายัง บก.กองทัพไทย โดย พล.อ.ทรงวิทย์ เติบโตจากกรมทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์ (ร.11 รอ.) หรือ ราบ 11 สายเดียวกับ ‘บิ๊กแดง’พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ อดีต ผบ.ทบ.
(พล.อ.สุขสรรค์ หนองบัวล่าง ผู้ช่วย ผบ.ทบ.)
เหตุที่ พล.อ.ทรงวิทย์ ไม่ได้ขึ้นชิง ผบ.ทบ. เพราะไม่ได้จบ ร.ร.นายร้อย จปร. แต่จบ นายร้อย Virginia Military Institute (VMI) ที่สหรัฐฯ จึงติด ‘ม่านประเพณี ทบ.’ ดังกล่าว อีกทั้ง พล.อ.ทรงวิทย์ ก็ไม่ได้จบ ร.ร.เตรียมทหาร แม้จะเคยเข้าเรียนในช่วงแรก ได้รุ่น ตท.24 แต่สุดท้ายเลือกไปเรียนต่างประเทศแทน
ทว่า ผบ.ทหารสูงสุด ต้องเป็น ประธานมูลนิธิศิษย์เก่าโรงเรียนเตรียมทหาร จึงอาจทำให้เกิดคำครหาได้ หาก พล.อ.ทรงวิทย์ ขึ้นเป็น ผบ.ทหารสูงสุด จะฝ่า ‘ม่านประเพณี’ นี้ไปได้หรือไม่ แต่ในเวลานี้ชื่อ พล.อ.ทรงวิทย์ ยังคงเป็นเต็งหนึ่ง ผบ.ทหารสูงสุด ที่เป็น ‘ทหารคอแดง’ คนที่ 2
(พล.อ.ทรงวิทย์ หนุนภักดี รอง ผบ.ทหารสูงสุด)
ส่วนอีกคู่ชิง ผบ.ทหารสูงสุด อีกคนคือ ‘บิ๊กจ่อย’พล.อ.ธิติชัย เทียนทอง เสนาธิการทหาร เพื่อน ตท.24 ที่เป็นลูกหม้อ บก.กองทัพไทย แต่เป็นทหาร ’คอเขียว’ จึงเท่ากับว่าเป็นการวัดพลังระหว่าง ‘ทหารคอแดง-ทหารคอเขียว’ ด้วยนั่นเอง
ทั้งนี้มีรายงานว่า ตำแหน่ง ผบ.ทหารสูงสุด ไม่จำเป็นต้องเป็น ‘ทหารคอแดง’ เหมือนกับ ผบ.ทบ. เพราะตำแหน่ง ผบ.ทบ. จะต้องควบ ผบ.ฉก.ทม.รอ.904 ด้วย อีกทั้งการขึ้นเป็น ผบ.ทหารสูงสุด ของ พล.อ.เฉลิมพล ที่เป็น ‘ทหารคอแดง’ คนแรก ขึ้นมาในยุค ตท.20 คุมเหล่าทัพ โดยได้รับแรงสนับสนุนจาก พล.อ.อภิรัชต์ (ตท.20) ที่มีความใกล้ชิด ตท.21 เพราะ พล.อ.เฉลิมพล จบ ตท.21 นั่นเอง
อย่างไรก็ตามมีการมองข้ามช็อตว่า หากทั้ง พล.อ.ทรงวิทย์ กับ พล.อ.ธิติชัย ใครพลาดตำแหน่ง ผบ.ทหารสูงสุด มีโอกาสต้องออกจาก ‘เหล่าทัพ’ ไปเป็น เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) แทน ‘บิ๊กไก่’ พล.อ.สุพจน์ มาลานิยม เลขาธิการ สมช. ที่จะเกษียณฯ ก.ย. 2566 กลายเป็นว่าตำแหน่งเลขาธิการ สมช. ถูกใช้แก้ปัญหา ‘โผทหาร’ ไม่ลงตัว มาตั้งแต่ยุค คสช. ทำให้ สมช. อยู่ใต้เงาทหารมา 7-8 ปีแล้ว
แม้ว่าโผทหารนายพล กลางปี 2566 แม้จะเป็นการ ‘ปรับเล็ก’ แต่สร้างแรงสั่นสะเทือนไปทั้ง ทบ. โดยเฉพาะศึกใน ตท.28 ด้วยกันเอง ท่ามกลางสถานการณ์ช่วงเปลี่ยนผ่านรัฐบาล ที่ในอนาคตอันใกล้ นายกฯ จะชื่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อีกหรือไม่
ในส่วน ‘กองทัพเรือ’ ก็เป็นไปตามคาดเรียกว่า ‘ซื้อเวลา’ เหตุการณ์ ร.ล.สุโขทัย อับปาง ที่ยังไม่มีการ ‘ลงโทษ’ ผู้ที่เกี่ยวข้อง ในการโยกย้ายนายทหารชั้นนายพล กลางปี 2566 ‘บิ๊กล้อ’พล.ร.ท.พิชัย ล้อชูสกุล ผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ 1 ยังคงอยู่ที่เดิม เกษียณฯคาตำแหน่ง ก.ย. 2566 ไม่โดนโยกตามกระแสข่าว
แต่งานนี้ถูกโฟกัสไปที่ชื่อ พล.ร.ต.โชคชัย เรืองแจ่ม ผู้บัญชาการกองเรือฟริเกตที่ 1 โดนย้ายไปเป็น ‘เสนาธิการฐานทัพเรือสัตหีบ’ ในแง่หนึ่งก็เป็นการ ‘ลดระดับ’ ไม่ได้ ‘คุมกำลังรบ’ เช่นเดิม แต่ก็ไม่ถึงขนาดขั้นเข้ากรุ ทร. ยังอยู่ในหน่วยคุมกำลัง แม้ตำแหน่งจะไม่ได้คุมกำลังก็ตาม ซึ่ง พล.ร.ต.โชคชัย อยู่ในรายชื่อ ‘ผู้บังคับบัญชา’ 2 ระดับขั้น ของ น.ท.พิชิตชัย เถื่อนนาดี ผู้บังคับการ ร.ล.สุโขทัย
(พล.ร.ต.โชคชัย เรืองแจ่ม ผู้บัญชาการกองเรือฟริเกตที่ 1)
(น.ท.พิชิตชัย เถื่อนนาดี ผู้บังคับการ ร.ล.สุโขทัย)
ทั้งนี้เป็นไปตามที่ พล.อ.ประยุทธ์ นายกฯ ในฐานะ รมว.กลาโหม ให้เคยให้นโยบายว่า ยังไม่มีการโยกย้ายนายทหารเรือที่เกี่ยวข้องกับ ร.ล.สุโขทัย อับปาง เนื่องจากคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงฯ ยังไม่สรุปผลออกมา และต้องรอการกู้เรือขึ้นมาเป็นวัตถุพยานก่อน
(พล.ร.ท.พิชัย ล้อชูสกุล ผบ.ทัพเรือภาค 1 )
สำหรับแผนงานของ ทร. ในการ ‘กู้เรือ’ จะเริ่มในเดือน เม.ย. 2566 พร้อมขีดเส้นทุกอย่างจะชัดเจนภายในปีนี้ (2566) ที่ทุกอย่างต้อง ‘สรุปผล’ ทั้งหมด ทว่าถึงเวลานั้น ‘บิ๊กจ็อด’พล.อ.เชิงชาย ชมเชิงแพทย์ ผบ.ทร. ก็เกษียณฯ ก.ย. 2566 พร้อมกับ พล.ร.ท.พิชัย ไปแล้ว งานนี้จะยิ่งสร้างครหาให้กับ ทร. หรือไม่ ว่ากระบวนการตรวจสอบข้อเท็จจริงเป็นเพียงการ ‘ลูบหน้าปะจมูก’ เท่านั้น อย่าลืมว่าชีวิตที่สูญเสียไป ล้วนเป็น ทร. ที่เป็น ‘ลูกประดู่’ ด้วยกันทั้งสิ้นด้วย