ศูนย์วิจัยกสิกรไทยออกบทวิเคราะห์ เรื่อง 'หนี้ครัวเรือนต่อจีดีพีไตรมาส 2/62 ทรงตัวที่ร้อยละ 78.7...แต่หนี้ยังคงโตเร็วกว่าเศรษฐกิจ' ระบุว่า ยอดคงค้างหนี้ครัวเรือนในไตรมาสที่ 2/2562 เติบโตในอัตราที่ชะลอลงมาที่ร้อยละ 5.8 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน หลังจากที่เร่งตัวขึ้นถึงร้อยละ 6.3 ในไตรมาสแรกของปี 2562 (สูงสุดในรอบ 4 ปี) ส่วนหนึ่งน่าจะเป็นผลมาจากการชะลอตัวลงของสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยหลังเกณฑ์การกำกับดูแลสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย หรือเกณฑ์ LTV โดยธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เริ่มมีผลตั้งแต่เดือน เม.ย. 2562 ที่ผ่านมา 

ขณะที่ เงินให้กู้ยืมเพื่อที่อยู่อาศัยส่วนบุคคลของสถาบันการเงิน (ทั้งในส่วนที่ปล่อยผ่านระบบธนาคารพาณิชย์ สถาบันการเงินเฉพาะกิจ และสถาบันการเงินอื่นๆ) ชะลอการเติบโตลงมาที่ร้อยละ 6.8 ในไตรมาส 2/2562 จากที่เร่งตัวขึ้นก่อนเกณฑ์ LTV ถึงร้อยละ 8.0 ในไตรมาส 1/2562 ที่ผ่านมา

อย่างไรก็ดี บทวิเคราะห์ดังกล่าว ชี้ด้วยว่า สถานการณ์หนี้ครัวเรือนของไทย ยังเป็นประเด็นที่น่ากังวล และต้องการการร่วมดูแลแก้ไขจากหลายฝ่าย โดยสัดส่วนหนี้ครัวเรือนต่อจีดีพี ยังคงทรงตัวอยู่ที่ระดับสูงสุดในรอบ 2 ปีครึ่ง ที่ร้อยละ 78.7 ในไตรมาส 2/2562 เท่ากับไตรมาส 1/2562 ที่ผ่านมา 

อีกทั้ง เป็นที่น่าสังเกตว่า หากเปรียบเทียบการเติบโตของหนี้ครัวเรือนกับกิจกรรมทางเศรษฐกิจแล้ว จะพบว่า หนี้ครัวเรือนมีอัตราการเติบโตที่สูงกว่าอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจ (จีดีพี) มาอย่างต่อเนื่องตลอด 1 ปีที่ผ่านมา (ในช่วงระหว่างไตรมาส 3/2561 ถึง ไตรมาสที่ 2/2562) โดยหนี้ครัวเรือนเติบโตที่ระดับประมาณ ร้อยละ 6.0 โดยเฉลี่ยต่อไตรมาส ขณะที่ Nominal GDP (อัตราเติบโตที่รวมเงินเฟ้อ) ของไทย มีอัตราเติบโตเฉลี่ยต่อไตรมาสที่ประมาณร้อยละ 4.5 

โดยสภาวะหนี้ที่เติบโตเร็วกกว่าการขยายตัวของกิจกรรมทางเศรษฐกิจ อาจเป็นสัญญาณที่สะท้อนว่า ประเด็นสำคัญของหนี้ครัวเรือนในเวลานี้ คือ ความสามารถในการชำระคืนหนี้ ในยามที่ระดับรายได้ของครัวเรือนและทิศทางเศรษฐกิจในภาพรวมยังคงชะลอตัว แม้ว่าที่ผ่านมา ภาระดอกเบี้ยจ่ายของสินเชื่อบางส่วน ได้ปรับตัวลงมาตามอัตราดอกเบี้ยเงินกู้สำหรับกลุ่มลูกค้ารายย่อยของสถาบันการเงินแล้วก็ตาม

นอกจากนี้ ศูนย์วิจัยกสิกรไทยยังได้ ประเมินแนวโน้มหนี้ครัวเรือนในปี 2562 โดยได้ปรับทบทวนกรอบประมาณการสัดส่วนหนี้ครัวเรือนต่อจีดีพีในปีนี้ขึ้นมาอยู่ที่ร้อยละ 78.5-79.5 (จากกรอบคาดการณ์เดิมที่ร้อยละ 77.5-79.5 ต่อจีดีพี) เนื่องจากข้อจำกัดการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยในระยะที่เหลือของปี 

อย่างไรก็ดี ประเมินว่า มาตรการกำกับดูแลสถาบันการเงิน และมาตรการดูแลเสถียรภาพของระบบการเงิน ที่ ธปท. ทยอยประกาศใช้และเตรียมที่จะดำเนินการเพิ่มเติม น่าจะมีส่วนช่วยจำกัดความเสี่ยงเชิงระบบของระบบการเงินไทย ขณะที่การวางแนวทางให้สถาบันการเงินพิจารณาสินเชื่อรายย่อย โดยคำนึงถึงความสามารถในการชำระหนี้ของผู้กู้ และสถานะทางการเงินหลังผ่อนชำระหนี้ที่เพียงพอต่อการดำรงชีพ ก็น่าจะช่วยลดปัญหาการก่อหนี้เกินตัวด้วยอีกทางหนึ่ง

ข่าวที่เกี่ยวข้อง:

• กกร.หั่นจีดีพีไทย ปี 62 เหลือโตร้อยละ 2.7 ส่งออกติดลบร้อยละ 2
• ผู้ว่าฯ ธปท. ยันเศรษฐกิจไทยยังไม่เข้าสู่ภาวะวิกฤต
• คลัง ชี้ หนี้ครัวเรือนไทยพุ่ง ยังไม่น่าห่วง
• หนี้ครัวเรือนไทยพุ่งต่อเนื่อง ติดอันดับ 11 ของโลก
• แบงก์ชาติปลดล็อค LTV ให้ผู้กู้ร่วม เปิดทางขอสินเชื่อบ้านหลังที่ 2 ได้
• ธปท.เคาะเกณฑ์คุมสินเชื่ออสังหา บ้านหลังที่สองต้องวางเงินดาวน์ 10-20%