พรรคไทยรักษาชาติ (ทษช.) นำโดย ร.ท.ปรีชาพล พงษ์พานิช หัวหน้าพรรค นายจาตุรนต์ ฉายแสง ประธานกรรมการยุทธศาสตร์พรรค นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ประธานกรรมการรณรงค์หาเสียง พร้อมกรรมการบริหารและแกนนำพรรค ลงพื้นที่พบปะประชาชนและรณรงค์หาสมาชิกภาคตะวันออก เริ่มต้นที่การเปิดศูนย์ประสานงานพรรค อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี พร้อมรับฟังความคิดเห็นจากกลุ่มเกษตรกรสวนยางพาราชาวประมงและประชาชนในพื้นที่
โดยมีประชาชนชาวบางละมุง สะท้อนปัญหาพื้นที่ทำกินและอยู่อาศัยของประชาชนในอำเภอแสมสาร จังหวัดชลบุรี ซึ่งอาศัยอยู่ 50-60 ปีในเขตทหาร และโดนขับไล่ออกจากพื้นที่ ซึ่งเรื่องนี้กำลังอยู่ในชั้นศาล นอกจากนี้ในพื้นที่ยังมีปัญหาน้ำประปาไม่ไหล ขณะเดียวกันหากฝนตกลงลงมาแค่ 5 นาทีก็จะประสบปัญหาเรื่องน้ำท่วมหรือน้ำไหลบ่าจากไหลเขา รถยนต์ไม่สามารถสัญจรได้
ส่วนประชาชนอีกราย หวังว่า หาก ทษช.ได้ร่วมรัฐบาล ขอให้แก้ปัญหาประมง โดยเฉพาะแรงงานข้ามชาติหรือต่างด้าวที่ถูกคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) จัดระเบียบ ต้องจัดทำเอกสารที่ยุ่งยากและชาวประมงต้องเสียค่าใช้จ่ายจำนวนมาก โดยต้องใช้เงินตั้งแต่ 1 แสน ถึง 1 ล้านบาทต่อเรือ 1 ลำในการออกทะเล นอกจากนี้เสนอให้เพิ่มงบประมาณให้ตำรวจทางหลวง เพื่อการลดอุบัติเหตุ และบริการประชาชน
ขณะที่ ร.ท.ปรีชาพล ระบุว่า ได้ฟังเสียงสะท้อนจากประชาชนทั้งปัญหาประมง ปัญหาประปา และที่ดินทำกิน โดยเฉพาะปัญหาด้านเศรษฐกิจที่เผชิญกันทั่วทั้งประเทศ ซึ่งมีผลรายงานจากต่างประเทศที่มาเก็บข้อมูลในประเทศไทย พบอุปสรรคสำคัญในการประกอบธุรกิจในไทย 4 อันดับแรกคือ ความไม่มีเสถียรภาพของรัฐบาล ที่มีรัฐประหารเกิดซ้ำแล้วซ้ำเล่า ความไม่มีประสิทธิภาพของระบบราชการ นโยบายรัฐที่ไม่ต่อเนื่อง และการไม่มีความสามารถในการริเริ่มความคิดใหม่ๆ หรือนวัตกรรม โดยเชื่อว่า คนไทยสามารถร่วมกันเปลี่ยนแปลงประเทศได้ ด้วยการใช้สิทธิใช้เสียงในการเลือกตั้ง นำพรรคฝ่ายประชาธิปไตยเข้าไปบริหารประเทศ จึงจะสามารถฟื้นฟูประเทศและเรียกศักดิ์ศรีของประชาชนและสังคมไทยกลับคืนมาได้
ส่วนนายจาตุรนต์ กล่าวว่า จ.ชลบุรี เป็นจังหวัดสำคัญที่ทำรายได้เข้าประเทศจากการท่องเที่ยวมหาศาล นอกเหนือไปจากมีธุรกิจประมงที่ทำรายได้ให้คนในพื้นที่ และยังมีอุตสาหกรรมใหม่ต่างๆเกิดขึ้นในแถบนี้ ถือว่าเป็นจังหวัดที่มีเศรษฐกิจที่หลากหลาย แต่ทุกเรื่องกลับเผชิญกับปัญหา โดยบางเรื่องเกิดจากการบริหารจัดการที่ผิดพลาด บางเรื่องรัฐบาลเองทำให้ขาดความเชื่อมั่นจากต่างประเทศ อย่างการท่องเที่ยวที่ลดวูบลงในระยะหลัง 1 ปีมานี้
นายจาตุรนต์ ยังมองว่า เรื่องใหญ่มาจากรัฐบาลไปยอมต่างประเทศโดยไม่ดูรายละเอียดในการเจรจา เพื่อรักษาผลประโยชน์ของประมง ทั้งขนาดใหญ่ขนาดกลางและขนาดเล็ก การแก้ปัญหาเรื่องนี้ต้องอาศัยการเจรจา โดยรัฐบาลที่เป็นประชาธิปไตย เพื่อสร้างการยอมรับและเรียกความเชื่อมั่นจากต่างชาติได้ด้วย แต่รัฐบาลปัจจุบันขาดอำนาจต่อรองกับต่างชาติ ซึ่งปัญหาความเชื่อมั่นนี้ ยังส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโดยรวม ทำให้ผู้คนไม่มีเงินจับจ่ายใช้สอย กระทบไปถึงผู้ประกอบธุรกิจร้านอาหารและอื่นๆ ซึ่งสภาพเศรษฐกิจของคนในจังหวัดชลบุรี ที่ถือว่าได้เปรียบจังหวัดอื่นๆอยู่หลายด้าน ย่อมสะท้อนปัญหาและความเป็นอยู่ของประชาชนในพื้นที่อื่นๆได้เป็นอย่างดีอีกด้วย
อย่างไรก็ตาม นายจาตุรนต์ ย้ำว่า ถ้าเลือกรัฐบาลอย่าง รัฐบาล คสช.ได้ครองอำนาจต่อหลังการเลือกตั้ง ก็จะไม่สามารถแก้ปัญหาประเทศได้และยังจะต้องจมอยู่กับปัญหาต่อไปอีก 5-10 ปี
ขณะที่นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า การรับฟังปัญหาจากประชาชนทำได้หลายรูปแบบไม่ว่าจะเป็นตัวแทน 4-5 คนหรือการรับฟังปัญหาผ่าน Social Network แต่พรรคไทยรักษาชาตินำคณะผู้บริหารมาจำนวนมาก เพราะต้องการแสดงความจริงใจที่จะมารับฟังปัญหาอย่างจริงจัง และมุ่งมั่นที่จะนำเอาข้อมูลที่ได้รับมา กลั่นกรองออกมาเป็นนโยบาย
ส่วนการมีอดีต ส.ส.ย้ายออกมาร่วมงานหรือก่อตั้งพรรคนี้ ยืนยันว่า ไม่ได้มีปัญหาภายในกับพรรคเก่าที่เคยสังกัด แต่ทุกคนมีปัญหากับการสืบทอดอำนาจเผด็จการ จึงเดินมารวมกันที่พรรคไทยรักษาชาติ เพราะภายใต้กติกาปัจจุบันที่ผู้มีอำนาจออกแบบมา จำเป็นจะต้องมีพรรคการเมืองพรรคหนึ่งมาทำภารกิจพิเศษ ทำหน้าที่เป็นพรรคชี้ขาดชัยชนะของฝ่ายประชาธิปไตย ขณะที่ผู้ต้องการสืบทอดอำนาจ มี 250 ส.ว.ที่มาจากการแต่งตั้งรองรับไว้ก่อนแล้ว ทั้งได้มีการจัดตั้งพรรคการเมืองเพื่อมาสนับสนุน จึงเป็นบทบาทอันสำคัญที่ประชาชนจะตัดสินว่าจะเดินไปทางไหน พร้อมย้ำว่าคะแนนเสียงของประชาชนจะนำไปสู่ชัยชนะร่วมกัน
โดยช่วงค่ำวันนี้มีการปราศรัยกับประชาชนละผู้สนับสนุนพรรคในพื้นที่ ก่อนจะออกเดินทางไปที่ จ.ระยอง
ข่าวที่เกี่ยวข้อง