ไม่พบผลการค้นหา
บรรยงโพสต์เฟซบุ๊กยืนยันทำหน้าที่อย่างซื่อตรง ในฐานะประธานกรรมการบริหารกลุ่มธุรกิจการเงินเกียรตินาคินภัทร ร่มใหญ่ของ บลจ.ภัทร ที่ 'หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่' เลือกใช้บริการเป็นผู้บริหารจัดการ Blind Trust หลังจากวานนี้ ประกาศจุดยืนเลือกลงคะแนนเสียงให้ 'ปชป.'

นายบรรยง พงษ์พานิช ประธานกรรมการบริหาร กลุ่มธุรกิจการเงินเกียรตินาคินภัทร ซึ่งมีธุรกิจในเครือคือ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ภัทร จำกัด หรือ บลจ. ภัทร โพสต์ในเฟซบุ๊กส่วนตัวบัญชีชื่อ 'Banyong Pongpanich' ระบุถึงกรณีนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ และแคนดิเดตนายกฯ ในบัญชีพรรคอนาคตใหม่ ลงนามในบันทึกความเข้าใจ (เอ็มโอยู) ระหว่างนายธนาธรและ บลจ. ภัทร ให้ทำหน้าที่เป็นผู้จัดการกองทุน จัดการทรัพย์สินของนายธนาธรมูลค่า 5,000 ล้านบาท นั้น เป็นไปตามที่นายธนาธรได้ให้เหตุผลไว้ว่า "เพราะที่ผ่านมาไม่เคยมีธุรกิจร่วมกัน มีความเป็นมืออาชีพ ได้รับการยอมรับว่าเป็นแถวหน้าของวงการการเงินในประเทศไทย และเชื่อมั่นว่า บลจ.ภัทร จะไม่ยอมจำนนต่อคำสั่งใดๆ เมื่อตนมีอำนาจ"

พร้อมกันนี้ นายบรรยง ยังติดแฮชแท็ก #เราจะทำหน้าที่อย่างซื่อตรงครับ และระบุในคอมเมนต์ว่า "ผมประกาศก่อนหน้านี้ว่าจะเปิดเผยจุดยืนการเลือกตั้ง เพิ่งได้รับรายงานว่าคุณเอก (ธนาธร) จะใช้ภัทรเมื่อวันพฤหัส แล้วผมก็ทำไปตามความตั้งใจเดิม และกำหนดเดิม"

ทั้งนี้ เมื่อเย็นวันที่ 17 มี.ค. ที่ผ่านมา นายบรรยง ได้โพสต์เฟซบุ๊กในบัญชีดังกล่าว ระบุถึง "จุดยืนในการเลือกตั้ง 2562 ของผม……17 มีนาคม 2562"

โดยระบุว่า "ผมไม่เคยคิดจะเลือกพรรคพลังประชารัฐ และพรรครวมพลังประชาชาติไทย เพราะไม่เคยเห็นด้วยกับการรัฐประหารและการสานต่ออำนาจเผด็จการ ซึ่งผมพบจากประสบการณ์ตรงของตัวเองว่า ถึงบางคน (รวมทั้งหัวหน้าเผด็จการ) จะมีเจตนาที่ดี มีความตั้งใจที่ดี แต่ภายใต้วิธีการ ภายใต้บริบทสิ่งแวดล้อมอย่างที่เป็นมาตลอดห้าปี ไม่สามารถสร้างการปฏิรูปที่ดีใดๆ ให้เกิดขึ้นได้เลย และนานไประบอบแบบนี้มีแต่จะถ่วงความเจริญของประเทศ รวมทั้งมีความเสี่ยงสูงที่จะนำไปสู่ความขัดแย้งรุนแรง

"ผมไม่เคยเลือกพรรคตระกูลเพื่อไทย เพราะไม่เห็นด้วยกับระบอบที่คนเรียกว่า”ระบอบทักษิณ” ซึ่งผมเคยวิเคราะห์ว่า คือระบอบที่พยายามดูแลคนรากหญ้า (ซึ่งเป็นเรื่องดีนะครับ) แต่ดันใช้ประชานิยมสุดโต่ง ซึ่งมีทั้งดี (ประกันสุขภาพ) และไม่ดี (จำนำข้าว) ขณะเดียวกัน ในระดับบนกลับเป็น”พรรคพวกนิยม”สุดๆ ไม่ค่อยรังเกียจคอร์รัปชั่น กับทำให้เกิดการเผชิญหน้าในสังคม

"ในแง่นโยบาย ผมชอบพรรคอนาคตใหม่มากที่สุด (ทั้งๆที่ไม่ได้เห็นด้วยทุกอย่าง) เพราะเป็นนโยบายที่มีหลักการชัดเจนกว่าพรรคอื่นๆ มีความสอดคล้องกันในด้านต่างๆตามควร มีที่มาที่ไป และนำไปสู่การปฏิบัติได้จริงเป็นส่วนใหญ่ แถมโดยโครงสร้างของบุคคลากรที่เป็นคนรุ่นใหม่เป็นส่วนใหญ่ ไม่เคยมีความด่างพร้อย ไม่เคยมีเงื่อนไขผลประโยชน์ผูกพันกับฐานทุนใดๆ ย่อมทำให้ความน่าห่วงเรื่องความขัดแย้งผลประโยชน์น้อยกว่า เหลือเพียงความสามารถในการบริหารกิจการบ้านเมืองอย่างมีประสิทธิผล ที่ยังไม่ได้รับการพิสูจน์ ยังไม่เคยมีประสบการณ์จริง ซึ่งผมเชื่อว่า ถ้ายึดหลักการให้เหนียวแน่น และทำงานไปอย่างต่อเนื่อง พรรคอนาคตใหม่จะเป็นความหวังสำคัญของสังคมไทยต่อไปได้

"แต่ปัจจัยที่สำคัญที่สุดที่ผมใช้ในการตัดสินใจครั้งนี้ จะเป็นเรื่องระยะสั้นนะครับ เพราะผมเชื่อว่าผลของการเลือกตั้งนั้นจะสำคัญมากว่า ในระยะสั้นจะเกิดอะไรขึ้น (ซึ่งในที่สุดจะส่งผลต่อระยะยาวด้วยเช่นกัน)

พร้อมกับชี้แจงแถลงไข 5 ซีนาริโอ ทางการเมืองไทยในปัจจุบัน ก่อนจะสรุปว่า "ผมจึงตัดสินใจเลือก "พรรคประชาธิปัตย์" ในการเลือกตั้ง 24มีนาคม นี้ครับ"

ข่าวที่เกี่ยวข้อง :