หลังจากเมื่อวันที่ 6 มี.ค. 2562 พรรคอนาคตใหม่ได้ยื่นฟ้อง ม.จ.จุลเจิม ยุคล จากกรณีโพสต์เฟซบุ๊ก กล่าวหาพรรคอนาคตใหม่และหัวหน้าพรรคมีนโยบายล้มล้างสถาบันฯ
17 ก.ย. ที่ห้องพิจารณา 812 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก อ่านคำสั่งชั้นไต่สวนมูลฟ้อง คดีหมายเลขดำ อ.639/2562 ที่พรรคอนาคตใหม่ (อนค.) และ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ เป็นโจทก์ฟ้อง ม.จ.จุลเจิม ยุคล เจ้าของผู้ใช้เฟซบุ๊ก Chulcherm Yugala ข้อหาหมิ่นประมาท ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 326, 328 และ พ.ร.ป.ว่าด้วย การเลือกตั้ง ส.ส. มาตรา 73 (5) ประกอบมาตรา 159 เนื่องจากเป็นการนัดฟังคำสั่งชั้นไต่สวนมูลฟ้อง ทั้งโจทก์และจำเลยไม่จำเป็นต้องเดินทางมาศาล ในวันนี้จึงมีตัวแทนรับมอบอำนาจโจทก์เดินทางมาศาล
ศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานแล้วเห็นว่าจำเลย คือ ม.จ.จุลเจิม ได้ "วิจารณ์สร้างสรรค์" ไม่ต้องการให้โจทก์ละเมิดเบื้องสูง โดยเปรียบเทียบกับภารกิจคณะราษฎร 2475 ซึ่งจำเลยเป็นเชื้อพระวงศ์ย่อมมีความจงรักภักดี อีกทั้ง ไม่ปรากฏพฤติการณ์ว่าพรรคอนาคตใหม่ และนายธนาธร ได้ละเมิดเบื้องสูง ทำให้ผลการเลือกตั้ง ส.ส.ที่ผ่านมา พรรคอนาคตใหม่ได้คะแนนความไว้วางใจจากประชาชนถึง 6 ล้านกว่าเสียง จำนวน ส.ส.รวมกว่า 80 คน แสดงให้เห็นว่าข้อห่วงใยของ ม.จ.จุลเจิม ไม่ส่งผลกระทบต่อพรรคอนาคตใหม่ และนายธนาธรให้เสียหาย จึงพิพากษายกฟ้อง
ทั้งนี้ คำฟ้องได้ระบุพฤติการณ์ว่า เมื่อวันที่ 4 มี.ค. 2562 ม.จ.จุลเจิม ได้เผยแพร่ข้อความลงในเว็บไซต์เฟซบุ๊ค ชื่อบัญชี “Chulcherm Yugala” ซึ่งจำเลยใส่ความโจทก์ต่อบุคคลที่สามโดยเผยแพร่สู่สาธารณชน มีข้อความทำนองว่านโยบายการเลือกตั้งของโจทก์มีเนื้อหาล้มล้างสถาบัน ซึ่งข้อความตอนหนึ่งว่า
“…พรรคนี้เมื่อเริ่มก่อตั้งได้มีคนหนุ่มสาว นักวิชาการที่คลั่งไคล้ปรัชญาตะวันตก ทาส อารยธรรมตามก้นฝรั่ง (สายพันธุ์ลูกสมุนคณะราษฎร) ที่ตลอดชีวิตคิดหาทาง- "ล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์อย่างเนียนๆ" …”
และข้อความอื่นๆ อันเป็นการเผยแพร่ข้อความอันเป็นเท็จใส่ความโจทก์ทั้งสองต่อสาธารณชน ผ่านเพจเฟซบุ๊คของ ม.จ.จุลเจิม ตั้งสถานะเป็นสาธารณะ ส่งผลให้บุคคลทั่วไปสามารถเข้าถึงและรับทราบข้อความดังกล่าวได้ ซึ่งเป็นการจงใจทำให้โจทก์ทั้งสองได้รับความเสียหายต่อชื่อเสียง ทำให้บุคคลทั่วไปเข้าใจผิดว่าโจทก์ต้องการล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์ การกระทำของ ม.จ.จุลเจิม ส่งผลให้ พรรคอนาคตใหม่ และนายธนาธร ได้รับความเสียหายถูกดูหมิ่นและถูกเกลียดชังในหมู่ประชาชน อันเป็นการกระทำโดยใส่ความผู้อื่นต่อบุคคลที่สาม โดยประการที่น่าจะทำให้โจทก์ทั้งสองนั้นเสียชื่อเสียงถูกดูหมิ่นหรือถูกเกลียดชัง
นอกจากนี้ การกระทำของ ม.จ.จุลเจิม ยังเป็นการจูงใจให้ประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้งสำคัญผิดในนโยบายของพรรคอนาคตใหม่ ซึ่งโจทก์ไม่ได้มีนโยบายล้มล้างสถาบันตามที่ ม.จ.จุลเจิม กล่าวอ้าง การที่ ม.จ.จุลเจิม บรรยายว่า “ผมหวังว่าสังคมไทยประชาชนคนไทยจะให้คำตอบเองว่า จะตอบรับกับแนวทางตามโมเดลการปฏิวัติล้มสถาบันพระมหากษัตริย์ของประเทศฝรั่งเศส หรือไหมของพรรคๆ นี้????” นั้นเป็นการชี้นำให้ประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้งไม่ลงคะแนนเสียงเลือกตั้งโจทก์ทั้งสองด้วยข้อความอันเป็นเท็จ