3 เม.ย. 2567 ที่รัฐสภา พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พลังงานได้ชี้แจงข้อสงสัยของฝ่ายค้านระหว่างการพิจารณาญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไป เพื่อซักถามข้อเท็จจริงหรือเสนอแนะปัญหาต่อคณะรัฐมนตรีโดยไม่มีการลงมติ ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 152 เกี่ยวกับปัญหาราคาพลังงานว่า มีการสอบถามเรื่องการลดค่าใช้จ่ายด้านพลังงานหลังหลังหมดระยะเวลาที่รัฐบาลได้ช่วยเหลือ ขอชี้แจงมีอยู่สองส่วน คือช่วยเหลือค่าไฟฟ้า และน้ำมัน ซึ่งระบบที่เป็นอยู่ ใช้มานานแล้ว ตนก็ไม่พอใจ และหลายเรื่องหาคําตอบไม่ได้ แต่ก็ไม่ได้ปล่อยให้เป็นแบบนี้เหมือนที่ผ่านมา ซึ่งตนกําลังหาวิธีแก้ไขทําให้ช่วยการเหลือพี่น้องประชาชนเป็นอย่างยั่งยืนกว่าเดิม และในระยะยาวดีขึ้น
ทั้งนี้ การช่วยเรื่องค่าไฟฟ้ายังคงยืนอยู่ที่ 4.18 บาท ในส่วนของกลุ่มเปราะบางยืนอยู่ที่ 3.99 บาท เหมือนเดิม ค่าไฟฟ้าไม่ได้เป็นปัญหามาก
แต่ส่วนที่เป็นปัญหาคือน้ำมัน ที่ผ่านมารัฐบาลไม่ใช่เฉพาะรัฐบาลนี้พยายามยืนราคาน้ำมันดีเซลที่ 30 บาทต่อลิตร แต่ในระบบปัจจุบันใช้เงินกองทุนรักษาระดับราคาน้ำมันมาช่วย ใช้มาตั้งแต่ปี 2516 เป็นเวลา 51 ปีแล้ว ตนก็ไม่เห็นด้วยกับวิธีการที่เอาเงินไปรักษาระดับราคาน้ำมัน แต่รูปแบบของเราเป็นเช่นนี้ ตนได้ให้ทางกระทรวงพลังงานช่วยพิจารณาศึกษาปรับปรุงแก้ไขในส่วนนี้
นายพีระพันธุ์ กล่าวว่า น้ำมันจะมีราคาสองส่วน คือราคาที่แท้จริงที่ผ่านมาเราไม่เคยทราบต้นทุนของผู้ประกอบการ ตนจึงได้ออกประกาศกระทรวงพลังงานลงนามวันที่ 8 มีนาคม 2567 ที่ผ่านมา เพื่อให้ผู้ประกอบการแจ้งราคาต้นทุนที่แท้จริงจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 15 เมษายน 2567 นี้ ถือครั้งแรกที่กําหนดให้ผู้ประกอบการค้าน้ำมันเชื้อเพลิงต้องแจ้งต้นทุนให้ทราบ ในเรื่องน้ำมันตนก็ได้ปรับปรุงรูปแบบการทํางานและโครงสร้างต่างๆ ให้ดีขึ้น
ทั้งนี้ อีกส่วนคือ ภาษี ภาพใหญ่คือตัวน้ำมันกับภาษี โครงสร้างปัจจุบันราคาน้ำมัน 40 บาทเป็นต้นทุนกว่า 20 บาทที่เหลืออีกเกือบ 20 บาทเป็นภาษี น้ำมันแพงไม่ได้แพงที่ตัวน้ำมันอย่างเดียวสําหรับประเทศไทย และอีกส่วนหนึ่ง ก็คือ การเอาเอทานอล หรือน้ำมันปาล์มมาผสม ซึ่งในอดีตส่วนผสมเหล่านี้ราคาถูก แต่ปัจจุบันแพงกว่าน้ำมัน ตรงนี้เป็นอีกปัญหาหนึ่งที่ต้องหาแนวทางแก้ไข ในส่วนภาษีสรรพสามิต กระทรวงการคลังเป็นคนเก็บ แต่ภาระที่กระทรวงพลังงานต้องรับผิดชอบคือ มารวมกับราคาที่เราต้องดูแล
ข้อที่น่าแปลกต่อไปก็คือ เดิมการจะกําหนดภาษีสรรพสามิตเพดานไม่ควรเกินเท่าไหร่เป็นอํานาจของทางคณะกรรมการกองทุนน้ำมัน แต่วันนี้อํานาจนี้หายไป ตนคิดว่าจะต้องแก้ไขให้เรามีอํานาจที่จะกําหนดตรงนี้ได้ ตนกําลังดำเดินการ
รมว.พลังงาน กล่าวว่า สิ่งที่เพื่อนสมาชิกอภิปรายในทํานองว่าเรามีการทุจริตเชิงนโยบาย ตนยืนยันว่าไม่มีแน่นอน สิ่งที่สมาชิกสงสัยทั้งหมดเกิดขึ้นก่อนรัฐบาลปัจจุบัน ตนเคยได้รับข้อมูลแบบนี้แล้วก็ตรวจสอบ มีการไปฟ้องศาลปกครองเรื่องคดีก็ให้ว่าไปตนไม่ไปเกี่ยวข้อง แต่สิ่งที่กํากับดูแลคือ ตนได้มอบให้ทาง กกพ. ตรวจสอบยืนยัน
“แต่ถ้าเพื่อนสมาชิก มีพยานหลักฐานข้อมูลชัดเจนว่า มีเจตนาทุจริต ขอให้ยื่นป.ป.ช.ไปเลย ผมยินดีให้ความร่วมมือ ไม่มีประโยชน์ที่เราจะมาถกเถียงกันตรงนี้ว่า ใครผิดใครถูก เพราะคนที่เกี่ยวข้อง แม้จะผิดจริงก็ต้องปฏิเสธ เมื่อผมตรวจสอบมันไม่มีหลักฐาน ก็ดําเนินการไม่ได้ แล้วเรื่องก็เกิดมาก่อนที่ผลเข้ามารับผิดชอบ” นายพีระพันธุ์ กล่าว
นายพีระพันธุ์ ชี้แจงอีกว่า ส่วนเรื่องที่จะทำให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตฯ มีต้นทุนสูงขึ้นนั้น ในส่วนของ 5 พันเมกะวัตต์ ราคาอยู่ที่ 2 บาทกว่า ซึ่งไม่ได้เป็นภาระ แต่กลับช่วยลดภาระด้วยซ้ำ ยืนยันว่า ราคาที่เขาซื้อขายกัน ไม่ได้ทำให้เกิดภาระกับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตฯ อย่างที่เพื่อนสมาชิกอภิราย ในส่วนของ 3 พันเมกะวัตต์ ซึ่งระบุว่า เป็นการกีดกันหรือเปิดกว้างนั้น ตนเห็นด้วย ขณะนี้ได้สั่งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทบทวนหลักเกณฑ์นี้แล้ว ยืนยันว่าทั้งหมดเกิดขึ้นก่อนรัฐบาล นายเศรษฐา เข้ามาบริหารประเทศ
“ถ้าสงสัยขอให้ยื่นให้ป.ป.ช.ตรวจสอบได้เลย ถ้าต้องการให้ผมร่วมมืออะไรในการตรวจสอบ หรือหาหลักฐานเพิ่ม ผมยินดี และขอยืนยันรัฐบาลนี้ โดยเฉพาะท่านนายกรัฐมนตรี และผมจะไม่มีการทุจริตเชิงนโยบายหรือในความเป็นจริงอย่างเด็ดขาด มีแต่จะหาทางช่วยให้พี่น้องประชาชนลดภาระค่าใช้จ่ายลงให้มากที่สุด”รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พลังงานกล่าว
///////////