ที่รัฐสภาวันนี้มีการประชุมคณะกรรมาธิการการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ หรือ ปปช. ซึ่งที่ประชุมได้ เชิญ4 แกนนำกลุ่มราษฎร ประกอบด้วย ภาณุพงศ์ จาดนอก หรือไมค์ พริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือเพนกวิน ปิยรัฐ จงเทพหรือ โตโต้ และ ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล หรือ รุ้ง เพื่อสอบถามข้อเท็จจริง ปัญหาการควบคุมตัวในเรือนจำ หลังมีการร้องเรียนให้ตรวจสอบการทำหน้าที่ของเจ้าหน้าที่รัฐ สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 16 มี.ค. 2564 ที่ผ่านมา มีการย้ายผู้ต้องหาคดีการเมืองจากเรือนจำธนบุรี ไปยังเรือนจำพิเศษกรุงเทพ และและมีความพยายามจะเคลื่อนย้ายตัวผู้ต้องหาในยามวิกาลโดยไม่ได้รับความยินยอมโดยอ้างว่าจะมีการตรวจหาเชื้อโควิด19 ทำให้ผู้ต้องหามีความวิตกว่าจะไม่ได้รับความปลอดภัย
ทั้งนี้ในที่ประชุมกรรมาธิการได้ซักถามถึงปัญหาที่เกิดขึ้น ซึ่งภาณุพงศ์ เล่าเหตุการณ์ว่า ในวันดังกล่าว ตนเอง พร้อมด้วย โตโต้ ปิยรัฐ ไผ่ จตุภัทร์ ได้ถูกย้ายมาจากเรือนจำธนบุรี มายัง เรือนจำพิเศษกรุงเทพ ต่อมาราว 3 ทุ่มเศษมีเจ้าหน้าที่ประมาณ 3 คน มาแจ้งว่าจะนำตัว ตนเอง โตโต้ ปิยะรัฐ และ ไผ่ ดาวดิน ออกจากเรือนนอนโดยอ้างว่า เป็นผู้ที่มาจากสถานที่เสี่ยง ทั้งที่เป็นยามวิกาล ทุกคนจึงไม่ยินยอมที่จะออกจากเรือนนอน เพราะห่วงเรื่องความปลอดภัย
ด้าน เพนกวิน พริษฐ์ กล่าวว่าในส่วนตนเองถูกคุมขังอยู่ก่อนเนื่องจากเป็นผู้ต้องหาตามมาตรา 112 แต่ถูกแยกมาคุมขังที่แดนของผู้คุมขังที่เป็นนักโทษเด็ดขาด ทั้งที่ตนเองยังเป็นผู้บริสุทธิ์ ซึ่งในเหตุการณ์การเจ้าหน้าที่เข้ามาตรวจโควิดในยามวิกาล ในช่วงที่ กลุ่มของไมค์ ภาณุพงศ์ เข้ามาใหม่ ตนได้ถามไปยังเจ้าหน้าที่ตรงๆ ว่ามีเจตนาต้องการ ขังแยกใช่หรือไม่ซึ่งเจ้าหน้าที่ก็ยอมรับ ว่าใช่ เพราะตนทราบอยู่แล้วว่ามีผิดวิสัยที่จะมาตรวจโควิด19 กันในยามวิกาล เหตุใดไม่ตรวจหรือไม่แยกตัวตั้งแต่แรกในช่วงกลางวันที่ผู้ต้องขังเข้ามาตอนแรก อีกทั้งยังมีการไล่นักโทษคนอื่นๆออกไปจากห้องเพื่อพยายามเอาตัวผู้ต้องหาคดีการเมืองออกไป
ด้าน ปนัสยา กล่าวว่ากรณีของตนเองนั้นเป็นเรื่องที่ถูกเจ้าหน้าที่กรมราชทัณฑ์นำตัวไปฝากขังที่เรือนจำทั้งที่ศาลยังไม่มีคำสั่งว่าจะให้ประกันตัวหรือไม่และไม่มีความชัดเจนว่าจะนำใครไปฝากขังที่เรือนจำใดบ้าง และที่น่าสังเกต คือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นของผู้ต้องขังชาย ในส่วนของไมค์ภาณุพงศ์ โตโต้ ปิยรัฐ นั้น ไม่เคยเกิดขึ้นในเรือนจำหญิงกลาง มีการตรวจโควิดเฉพาะช่วงกลางวันเท่านั้น และไม่เคยมีการมาแยกตัวในช่วงยามวิกาล ใดๆ แต่พบปัญหาการดักฟังระหว่างพูดคุยกับทนายความด้วย ถือเป็นการละเมิดสิทธิการต่อสู้ของผู้ต้องหาอย่างมาก
เช่นเดียวกับ เพนกวิน พริษฐ์ เรียกร้องให้กรรมาธิการตรวจสอบด้วยว่ามีการดักฟังการพูดคุยจริงหรือไม่เหตุใดรู้ข้อมูลการต่อสู้ก่อนล่วงหน้าที่การสกัดเอกสารในการต่อสู้คดี ทั้งๆ ที่เป็นสิทธิในการต่อสู้คดีของผู้ต้องหา ถือเป็นความไม่ยุติธรรมอย่างมากเพราะตนเองต้องต่อสู่คดีอยู่กับรัฐแต่ถูกรัฐมาละเมิดสิทธิมาล่วงรู้ข้อมูลในการต่อสู้
ทั้งนี้ ภายหลังการ สอบถามข้อเท็จจริง นายธีรัจชัย พันธุมาศ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ในฐานะโฆษกกรรมาธิการ เปิดเผยว่า การตรวจสอบเรื่องนี้ใกล้เสร็จสิ้นแล้วเพราะมีการเรียกทั้งฝ่ายราชทัณฑ์ และผู้ต้องขังอื่นๆมาให้ข้อมูลแล้ว ซึ่งก็มีข้อมูลที่สอดคล้องกัน มีความพยายามเข้าตรวจโควิดผู้ต้องขังยามวิกาลหลายช่วง ทั้งช่วง 3 ทุ่ม 5ทุ่ม จนกระทั้งตี2 ทั้งที่แดนอื่นๆปกตอมีการตรวจโรคกลางวัน อีกทั้งเมื่อผู้ต้องหาปฏิเสธ ก็มีการใช้เจ้าหน้าที่ชุดดำที่แต่งกายทำให้ห่วงว่าจะถูกทำให้เสียชีวิตแบบผู้ต้องขังรายอื่นๆ จึงรู้สึกไม่ปลอดภัย ซึ่งข้อเท็จจริงค่อนข้างยุติพอสมควร ที่จะชี้ได้ว่าเจ้าหน้าที่ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบหรือไม่
นอกจากนี้ ยังมีเรื่องที่ผู้ต้องหา ที่มาวันนี้เปิดเผยว่างคุณภาพชีวิตของผู้ต้องขังในเรือนจำย่ำแย่มากอาหารก็ไม่เหมาะสม จึงเรียกร้องไปยังรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ชี้แจงด้วยว่ามีการทุจริตหรือไม่ นอกจากนี้ผู้ต้องหายังถูกนำตัวไปคุมขังในแดนผู้ต้องขังเด็ดขาดด้วย เป็นการนำคนที่ยังไม่ถูกตัดสินและยังบริสุทธ์ไป ทำโทษก่อนล่วงหน้าหรือไม่ ถือเป็นความไม่ยุติธรรมอย่างร้ายแรง อีกทั้งการต่อสู้คดี ก็ไม่ได้รับสิทธิโดยสะดวก มีเจ้าหน้าที่แอบฟังข้อมูลในการต่อสู้คดี///