ในช่วงที่เพลงแนวอินดี้กำลังบูม ยังเหลือศิลปินอยู่ไม่กี่วงที่ยังคงรักษาเอกลักษณ์ของโฟล์กซองคำเมืองที่มีกลิ่นอายของเพลงเพื่อชีวิตไว้ เช่น สุนทรี เวชชานนท์
อีกหนึ่งวงที่อยู่ในวงการมากกว่า 2 ทศวรรษ นั่นก็คือ ไม้เมือง เจ้าของฉายา 1 คนร้อง 1 คนเล่น จากถนนคนเดินเชียงใหม่ ประกอบด้วย อ้อม-ธีราพร ศรีกิจรัตน์ และ แม๊กซ์-ประเสริฐ ศรีกิจรัตน์ หรือ อ้อม-แม๊ก ไม้เมือง
น้ำเสียงหวานของอ้อมเข้าคู่กับเสียงกีตาร์อะคูสติกของแม๊กซ์ ด้วยสไตล์การเล่นโฟล์คซอง บ่งบอกหน่อเนื้อคำเมือง ถือเป็นเสน่ห์และเอกลักษณ์ของไม้เมือง หลังจากสร้างชื่อกับเพลงครึ่งของฝันขอเดินด้วยคน, หากความคิดถึงฆ่าคนให้ตายได้, แมงปอปีกบาง และอย่าปล่อยมือ ซึ่งแต่งมาจากชีวิตจริงของทั้งคู่ ที่เริ่มต้นจากสองมือเปล่าก้าวเดินในวงการมาจนถึงปัจจุบันด้วยความฝัน และความรักในเสียงเพลง
ในขณะที่ศิลปินหลายคนยอมพ่ายแพ้ต่อยุคสมัย สมองไหลไปทำเพลงตามกระแสวัยรุ่นนิยม ใช้ภาษาคาบลูกคาบดอก เน้นความเมามัน ไม้เมืองยังคงยืนหยัดทำเพลงภาษากวีสวยงาม ให้กำลังใจ และสร้างแรงบันดาลใจให้ผู้คนโดยเฉพาะในเรื่องของความรัก ที่เป็นเอกลักษณ์โดดเด่นมาตลอด
“ก่อนจะทำเพลงแต่ละเพลง สิ่งที่คิดคืองานที่เราสร้างต้องไม่มีผลกระทบต่อสังคม โดยเฉพาะเพลงของไม้เมืองเป็นเพลงรัก ซึ่งเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นกับทุกคน เมื่อได้ยินเพลงของเราแล้ว เขาจะเดินไปในทางบวกหรือลบ เพราะเพลงมีอิทธิพลกับชีวิตคนพอสมควร” อ้อมกล่าว
ในขณะที่แม๊กซ์ เสริมว่า เพลงที่ไม้เมืองทำต้องมีคุณค่า เป็นต้นแบบและเป็นประโยชน์ในการดำเนินชีวิตในแง่มุมต่างๆ เช่น ความรักในเชิงบวก ความอบอุ่นในครอบครัว เพราะทุกเพลงที่ปล่อยออกมาเลือกผู้ฟังไม่ได้ว่า จะเป็นเด็กหรือเยาวชนผู้หญิงหรือผู้ชาย
“สิ่งที่จะนำเสนอต้องมองย้อนกลับไปเมื่อตอนเป็นเด็ก เราเห็นนักร้องเป็นไอดอล เป็นต้นแบบในการดำเนินชีวิต ในการมองแง่มุมต่างๆ ของโลก ถ้าทำเพลงแล้วนำเสนอสิ่งที่เป็นบวก เช่น ความรักในเชิงบวก ความอบอุ่นในครอบครัว คนในจำนวนหนึ่งล้านคนที่ฟัง อาจจะมีสักสิบ ยี่สิบ หรือเป็นร้อย มีความรู้สึกที่อยากจะมีความรักที่สวยงาม มีความอดทนมากขึ้นกับการใช้ชีวิตคู่ หรือการดำเนินชีวิต มีความแตกแยกน้อยลง ตรงนี้มองว่าพอลดการแตกแยกครอบครัว ก็จะลดปัญหาสังคม ทั้งเรื่องเด็กที่ถูกพ่อแม่ทอดทิ้ง ปัญหาเกี่ยวกับยาเสพติด เด็กจรจัด รวมถึงปัญหาที่เริ่มต้นจากครอบครัวซึ่งมีเยอะมาก
เราไม่หวังเปลี่ยนโลกหรอก แต่ขอให้ดีขึ้นสักหน่อย เป็นสิ่งที่อยากให้มันเกิด หลักๆ อยากให้ทุกครอบครัวมีความสุข เป็นกำลังใจให้กันและกัน อันนี้อาจจะตอบในมุมที่ตนเองได้สัมผัส ตอนเด็กๆ ครอบครัวมีปัญหา พ่อแม่หย่าร้างกัน ไม่อยากให้สิ่งนี้เกิดขึ้นกับเด็กคนอื่น อยากให้มันดีขึ้นเท่าที่จะทำได้ จึงเลือกที่จะทำเพลงความรักในเชิงบวก นับตั้งแต่เริ่มแรกมาจนถึงปัจจุบัน”
อ้อม เป็นคนจังหวัดเชียงใหม่ ผูกพันกับคำเมือง เมื่อมีบทเพลงเป็นของตนเอง จึงอยากคงสำเนียงผ่านคำร้องผสมผสานดนตรีพื้นเมืองฝากกลิ่นอายล้านนาไปกับบทเพลงลูกทุ่ง เพื่อชีวิต ฟังสบายตามแบบฉบับ อาจมีการปรับจูนให้มีความร่วมสมัยบ้าง แต่ไม่เคยเปลี่ยนตัวตน และเชื่อว่าความเป็นตัวตนที่คงไว้ทำให้ศิลปินมีงานจ้างสม่ำเสมอ
“สิ่งที่ทำมันอยู่ได้ ผู้คนยอมรับ มีกระแสตอบรับกลับมา เป็นอีกกลุ่ม ซึ่งเป็นกลุ่มที่เลือกจะเดินไปกับเขา แต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธหรือไปต่อต้านกลุ่มอื่น”
แม็กซ์เสริมว่า บทเพลงไม้เมืองเป็นเหมือนเรื่องอยากจะเล่า ไม่เปลี่ยนไปจาก 20 ปีที่แล้ว อยากเล่าเรื่องเดิมๆ ที่เป็นกำลังใจ เพราะเชื่อว่ามีแฟนเพลงเป็นคนรุ่นใหม่เพิ่มเข้ามา จึงอยากเล่าเรื่องเก่าให้เขาฟัง และไม่มีความคิดที่จะเปลี่ยนแปลงแนวเพลงเพียงแค่ต้องการมีชื่อเสียงโด่งดังเพิ่ม
“เราคุยเรื่องอื่นไม่เป็น ไม่อยากคุยเรื่องอื่น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องชิงรักหักสวาท อกหัก ฆ่าตัวตาย ฯลฯ ซึ่งมันเป็นเรื่องเกิดขึ้นเป็นข่าวสลด อยากคุยแต่เรื่องสวยงาม เรียกว่าเป็นความสุขส่วนตัวก็ได้ ทุกอย่างที่ทำมาจากความรักเสมอ อะไรที่ไม่รักไม่ชอบ ต่อให้ทำแล้วมีชื่อเสียงโด่งดัง ได้เงินได้ทองมากขึ้น ก็ไม่ชอบ คิอว่าทำสิ่งที่รักและมีความสุข เลี้ยงชีพได้เลี้ยงตัวได้ก็เพียงพอแล้ว ถ้าหาตัวเองเจอแล้วก็ไม่ควรเปลี่ยน แต่ควรพัฒนาให้ดีขึ้นมากกว่า”
สิบปีที่ผ่านพ้น หลายสิ่งหลายอย่างเปลี่ยนแปลงไปมาก นักร้องและวงดนตรีก็เช่นกัน มีแนวดนตรีใหม่ๆ เกิดขึ้นแทบจะทุกวินาทีบนแผนที่โลก แม๊กซ์ บอกว่า ไม้เมืองไม่เคยเผลอที่จะเปลี่ยนแนวทางการทำงาน
“อาจมีการมองในบริบทที่ต่างกัน อย่างแรกสิ่งที่ไม้เมืองเป็นอยู่ คือการค่อยๆ โตเหมือนต้นไม้ ไม่ต้องดังตู้ม มีคนรู้จักเป็นกลุ่ม และใช้สิ่งนี้เป็นอาชีพเลี้ยงตัวเองจนแก่ยันอายุ 60-65 ปี แต่กับอีกบริบทหนึ่งก็คือ ดังตู้มโกยเงิน 1 ปี 2 ปี 3 ปี พอ ดาวหมดแสงเบอร์ใหม่เข้ามาดังทับ เบอร์เก่าก็หายไป อาจจะเป็นเพราะว่า ไม่ได้ขายเพลงอย่างเดียว ขายความนิยมอย่างอื่น ขายภาพลักษณ์ที่สวยงาม พอวันหนึ่งเริ่มแก่มีคนอื่นสวยกว่าเขาก็เริ่มไปดูคนอื่น ตัวเองทำอาชีพนี้ได้ 2-3 ปี เพราะอายุผลงานมีแค่นั้น แต่ไม้เมืองไม่ได้มองว่าจะทำงาน 3-5 ปี ดัง โกย ตุ้บ เลิก เราจะทำสิ่งที่เรารักต่อเนื่องจนอายุ 60-65 ปี
ตอนแรกมองว่า อาชีพนักร้องคงไม่ยาวนานอย่างนั้น แต่ถามว่า แล้ว พี่หงา คาราวาน พี่ปู-พงษ์สิทธิ์ คำภีร์ พี่แอ๊ด คาราบาว อายุ 60-70 ปี กันแล้ว ยังทำงาน มีความสุขกับการร้องเพลง และคนจ้างต่อเนื่อง นั่นแสดงว่าในสายงานของเรา วันหมดอายุค่อนข้างช้า คิดว่าตราบใดยังมีเสียง ยังร้องเพลงได้ ก็ทำงานของเราไปเรื่อยๆ ทีนี้ถามว่าถ้ารวมเงินที่ได้มาจากการดังตู้ม 3-5 ปี กับเงินกินยาวไปเรื่อยๆ 30 ปี จำนวนน่าจะเท่ากัน”
แม็กซ์บอกอีกว่า เขาเคยได้ยินคนพูดบ่อยๆ ทำไมไม้เมืองไม่วิ่งตามโลกปัจจุบัน ส่วนตัวมองว่า ถ้าไม้เมืองเปลี่ยนแปลงแนวทางการทำงาน ก็ไม่ต่างอะไรกับการหักอกหรือทำร้ายแฟนเพลงที่รักไม้เมืองหมดหัวใจมายาวนาน รวมถึงศิลปินรุ่นหลังที่มีเขาและอ้อมเป็นแรงบันดาลใจในการทำงาน
“พูดตรงๆ เราอายที่จะทำแบบนั้น เราทำแบบนี้มา 20 ปี เราดังแค่นี้ โลกมันเปลี่ยนแนวเพลงเปลี่ยนจะให้เราเปลี่ยนเพื่อให้ดังเพิ่มขึ้น ต้องไปทำอะไรใหม่เราไม่อยากทำ บอกเลยว่าคงทำไม่ได้ พื้นฐานเราไม่ได้ตั้งใจทำในแบบที่มันเปลี่ยนไปมีคนถามว่าแปลกใจทำไมเราไม่วิ่งตามโลกปัจจุบัน หรือกระแสเพลงที่วันรุ่นนิยม เราก็รู้ว่าแนวเพลงที่ได้รับความนิยมในเวลานี้เป็นอย่างไร แต่คิดว่ามันเป็นวัยของเขา เราต้องไม่ลืมว่ากลุ่มเป้าหมายนอกจากวัยเขาแล้วก็มีผู้ใหญ่ที่เป็นวัยของพวกเรา และคนที่มีอายุมากกว่า แต่เราไม่ปฏิเสธเด็กวัยรุ่นเป็นแฟนคลับของไม้เมือง
เท่าที่เรารู้มา ทั้งระดับมหาวิทยาลัยก็มีฟังเพลงไม้เมือง และเด็กที่อายุน้อยกว่าได้ยินที่พ่อแม่ฟังก็ชอบไม่น้อย เอาเป็นว่าเด็ก 100 คน ไม่ได้ฟังเพลงเหมือนกันหมดทุกคน อาจจะมี 5 เปอร์เซ็นต์ 10 เปอร์เซ็นต์ ฟังเพลงที่วัยเดียวกันไม่ฟัง โลกมันก็เป็นแบบนี้มาหลายสิบปีแล้ว เราก็หากลุ่มที่ฟังเราให้เจอเท่านั้นเอง ซึ่งเราหาเจอมานานแล้ว”
อย่างไรก็ตาม แม๊กซ์เชื่อว่าเพลง และดนตรี มีวัฎจักรคล้ายแฟชั่นการแต่งกาย ซึ่งสามารถหมุนย้อนกลับไปยังจุดเดิมได้ เพียงแต่ว่า เราจะนำมาประยุกต์ให้เข้ากับยุคสมัยได้อย่างไรเท่านั้นเอง
“เคยนั่งคุยกับรุ่นน้องเด็กรุ่นน้องเด็กหลายคน เพลงนี้คืออะไรเขามาจากไหน อาทิเช่น เพลงแก้มน้องนางนั้นแดงกว่าใคร ของเขียนไขและวานิช ซึ่งเป็นเพลงโฟล์ก และมีอีกหลายเพลงแนวโฟล์กกำลังมาแรง ซึ่งเขาก็บอกว่าก็ได้พวกพี่นี่แหละ ได้ไม้เมืองเป็นไอดอล รักและชอบแนวเพลงเลือกไม้เมืองเป็นไอดอลในการทำเพลง มีผู้ติดตามเยอะแยะเต็มไปหมด ก็เกิดคำถามว่าแล้วทำไมเราไม่อยู่เฉยๆ รอให้กระแสกลับมา 20 ปีวนกลับมาที่เดิม อย่างน้อยก็ไม่ต้องไปวิ่งตามใคร มีความสุขกับสิ่งที่เราเป็น และคนที่รักเราดีกว่า”