กลุ่มอนุรักษ์ลำน้ำเซบายเชียงเพ็ง เคลื่อนไหวกรณีคัดค้านมติการพิจารณาของคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงานอย่างต่อเนื่อง โดยชาวบ้านได้เดินทางมายื่นหนังสือต่อนายอำเภอป่าติ้วในประเด็นการคัดค้านมติการพิจารณาของคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน และให้นายอำเภอตลอดจนเจ้าหน้าที่อำเภอวางตัวเป็นกลางต่อกรณีโรงไฟฟ้าชีวมวลขนาด 61 เมกะวัตต์ และโรงงานน้ำตาลขนาด 20,000 ตันอ้อยต่อวัน

นางสาวนวพร เนินทราย อายุ 30 ปี กรรมการกลุ่มอนุรักษ์ลำน้ำเซบายเชียงเพ็ง กล่าวว่า หลังจากกรรมการกำกับกิจการพลังงานอนุมัติโรงไฟฟ้าชีวมวลขนาด 61 เมกะวัตต์เมื่อช่วงกลางเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ทำให้ชาวบ้านตื่นตัวที่อยากจะตั้งคำถามว่าทำไม กกพ.ถึงเร่งรีบพิจารณา เพราะทางชาวบ้านมองว่าประเด็นที่ใช้ในการพิจารณาอาจจะไม่ครอบคลุม ดังนั้นวันนี้ทางกลุ่มอนุรักษ์ลำน้ำเซบายจึงมายื่นหนังสือในสองประเด็นคือหนึ่งคัดค้านมติการพิจารณาอนุมัติกรณีโรงไฟฟ้าชีวมวล และสองให้นายอำเภอป่าติ้วและเจ้าหน้าที่วางตัวเป็นกลางต่อกรณีนี้ เพราะตลอดระยะเวลา 3 ปีการเคลื่อนไหวของกลุ่มอนุรักษ์เกิดจากสำนึกจริงๆในการปกป้องทรัพยากรชุมชน  

เพื่อชี้แจงข้อมูลการคัดค้านการก่อสร้างโรงงานน้ำตาล 20,000 ตันอ้อย/วันและโรงงานน้ำตาลโรงงานไฟฟ้าชีวะมวลขนาด 61 เมกกะ ที่จะส่งผลกระทบให้กับชุมชนในรัศมี 5 กิโลเมตร ให้กับนายอำเภอป่าติ้ว และนอกจากนั้นทางกลุ่มหวังว่านายอำเภอและเจ้าหน้าที่ข้าราชการประจำอำเภอซึ่งเป็นข้าราชการของแผ่นดินจะยึดแนวทางที่ข้าราชการพึงปฏิบัติในการวางตัว “เป็นกลาง”

พร้อมกันนี้ต้องสนับสนุนในความถูกต้องตามหลักธรรมาภิบาล ต้องยอมรับความคิดเห็นต่างที่ทางกลุ่มมีสำนึกในการปกป้องชุมชนเพื่ออยากใช้น้ำที่สะอาด เพื่ออยากอยู่กับอากาศที่บริสุทธิ์ตลอดไปนี้คือบ้านของเรา เราอยากอยู่กับธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ เราจะกำหนดอนาคตในการพัฒนาชุมชนด้วยตนเอง

หลังจากนั้นนายธีระพงษ์ คุ้มเคี่ยม นายอำเภอป่าติ้ว ได้เดินลงมารับหนังสือจากกลุ่มชาวบ้าน และได้เปิดห้องประชุมชั้นสองให้ชาวบ้านกว่าร้อยคนได้ชี้แจง ซึ่งนายอำเภอป่าติ้วได้กล่าวว่าในประเด็นการคัดค้านมติการพิจารณาของคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงานนั้นทางอำเภอจะส่งหนังสือต่อให้ทางจังหวัด ส่วนประเด็นการให้เจ้าหน้าที่อำเภอเป็นกลางนั้น ทางอำเภอนั้นเป็นกลางเสมอ