เรนเนอร์ ชกิมพ์ นักดำน้ำและเจ้าของกิจการดำน้ำในเมืองพอร์ตเอลิซาเบธของเซาท์แอฟริกา เปิดเผยประสบการณ์เฉียดตายกับสื่อต่างประเทศ โดยระบุว่า เขาถูกวาฬบรูด้าขนาดประมาณ 20 ตันงับ ขณะกำลังว่ายน้ำตามกลุ่มปลาซาร์ดีนในทะเลเมื่อเดือน ก.พ.ที่ผ่านมา เพื่อถ่ายทำภาพยนตร์สารคดีสัตว์น้ำให้แก่สถาบันแห่งหนึ่ง
เหตุการณ์ที่วาฬงับชกิมพ์ถูกบันทึกไว้ได้โดยไฮน์ซ โทแปร์เซอร์ ช่างภาพซึ่งกำลังติดตามถ่ายสารคดีร่วมกับทีมงานนักดำน้ำของชกิมพ์ โดยช่างภาพระบุว่า ขณะที่กำลังบันทึกเหตุการณ์ที่ฝูงปลาซาร์ดีนกำลังว่ายหนีจากการหาอาหารของสิงโตทะเลและโลมาอยู่นั้น พวกเขาสังเกตเห็นฟองน้ำผุดขึ้นมา จึงพยายามเล็งกล้องไปที่เป้าหมาย
หลังจากนั้นไม่ถึงนาทีก็พบว่า วาฬบรูด้ากำลังอ้าปากฮุบเหยื่อ ทำให้ชกิมพ์ซึ่งอยู่ใกล้วาฬที่สุดไหลเข้าไปในปากวาฬ ตั้งแต่ช่วงศีรษะไปจนถึงเอวติดอยู่ด้านใน ส่วนช่วงสะโพกไปจนถึงปลายเท้าอยู่ด้านนอก
ชกิมพ์ให้สัมภาษณ์กับเดลี่เทเลกราฟเพิ่มเติมว่า ขณะที่เขากำลังว่ายน้ำตามกลุ่มปลาซาร์ดีนไปนั้น จู่ๆ ทุกอย่างก็มืดไป และรู้สึกตึงๆ ที่ช่วงเอว แต่ในเสี้ยววินาทีต่อมา เขาก็ตระหนักได้ว่าตัวเองอยู่ที่ไหน จึงสูดลมหายใจเข้าลึกๆ และเตรียมตัวเผื่อวาฬจะดำลงไปใต้น้ำ แต่อีกไม่กี่วินาทีหลังจากนั้น วาฬบรูด้าก็อ้าปากอีกครั้ง เขาจึงหลุดออกมา และรอดพ้นจากการถูกวาฬกลืนไปได้อย่างหวุดหวิด
เขาระบุว่า สติกับสัญชาตญาณการเอาตัวรอดเป็นสิ่งสำคัญที่สุดสำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยหลังจากนั้น เขาและช่างภาพได้ตรวจสอบภาพที่บันทึกไว้ได้ และรู้ในทันทีว่าตัวเองโชคดีขนาดไหนที่รอดชีวิตมา
นอกจากนี้ เขายังย้ำด้วยว่า วาฬเป็นสัตว์ไม่ดุร้ายและไม่กินมนุษย์ แต่เหตุการณ์ระทึกขวัญที่เกิดขึ้น เป็นเพราะเขาอยู่ผิดที่และผิดเวลาเอง
สื่อต่างประเทศระบุว่า ชกิมพ์เป็นเจ้าของกิจการดำน้ำและท่องเที่ยวในเซาท์แอฟริกา ซึ่งดำเนินการมานานกว่า 15 ปี ทั้งยังเป็นหนึ่งในกลุ่มนักรณรงค์อนุรักษ์สิ่งแวดล้อมซึ่งเป็นที่รู้จักดีของชุมชนแถบชายทะเลในพอร์ตเอลิซาเบธ
ส่วนข่าวที่เขาหลุดเข้าไปในปากวาฬเพิ่งได้รับการเผยแพร่อย่างเป็นทางการในสื่อต่างประเทศเมื่อวันที่ 9 และ 10 มี.ค. โดยจุดเกิดเหตุที่พบวาฬบรูด้าออกหากิน อยู่ห่างจากชายฝั่งประมาณ 30 ไมล์ทะเล
ที่มา: Newsweek/ Metro/ Yahoo News
ข่าวที่เกี่ยวข้อง: