ไม่พบผลการค้นหา
ผู้นำสหรัฐฯ กับสุนทรพจน์วันรำลึกทหารผ่านศึก มองประชาธิปไตยกำลังตกอยู่ในอันตราย และการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยกำลังเกิดขึ้นทั่วโลก

โจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ได้กล่าวสุนทรพจน์เนื่องในโอกาสวันรำลึกทหารผ่านศึกสหรัฐฯ (Memorial Day) ซึ่งตรงกับวันที่ 31 พ.ค. ที่สุสานแห่งชาติแอร์ลิงตัน กรุงวอชิงตันดี.ซี. พร้อมกับรองประธานาธิบดี กมลา แฮร์ริส และเจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัฐบาลสหรัฐฯ เข้าร่วมในพิธีวางพวกหรีดเพื่อรำลึกศพทหารนิรนาม รวมถึงผู้วายชนม์ในสงครามต่างๆ ที่กองทัพสหรัฐฯ เคยเข้าร่วม

ผู้นำสหรัฐฯ ได้ใช้โอกาสนี้กล่าวสุนทรพจน์เนื่องในโอกาสรำลึกวันทหารผ่านศึกสหรัฐฯ กระตุ้นให้ทั้งประชาชนชาวอเมริกันยึดมั่นในประชาธิปไตย โดยชี้ว่าไม่เพียงแค่ประชาธิปไตยในสหรัฐฯ กำลังบกพร่องเท่านั้น แต่ประชาธิปไตยในทั่วโลกกำลังอยู่ในอันตรายเช่นกันจากการเผชิญอำนาจเผด็จการ และเพื่อปกป้องต่อความ "ไม่สมบูรณ์" ของประชาธิปไตยในอเมริกา เขาได้เรียกร้องให้ประชาชนทุกคนซึ่งล้วนมีส่วนรับผิดชอบต่อระบบประชาธิปไตย ทำงานมากขึ้นเพื่อทำตามสัญญาในการรักษาสิทธิการออกเสียง เสรีภาพในการพูด และแก้ไขความไม่เสมอภาคทางเศรษฐกิจและทางเชื้อชาติที่คงอยู่ เรื่องเหล่านี้นับเป็น "บททดสอบครั้งยิ่งใหญ่" ในประวัติศาสตร์โลก

โจ ไบเดน

"ประเทศของเราเป็นเพียงชาติเดียวบนโลก ที่สร้างขึ้นบนรากฐานของแนวคิด ชาติอื่นๆ อาจสร้างขึ้นจากชาติพันธุ์ ภูมิศาสตร์หรือศาสนา แต่บรรพบุรุษของชาติเราสร้างชาติขึ้นจากแนวคิดเรื่องเสรีภาพ และดินแดนแห่งโอกาสสำหรับทุกคน เราแทบไม่เคยตระหนักอย่างเต็มที่ถึงความทะเยอทะยานในการสร้างชาติ แต่ที่ผ่านมาทุกชั่วอายุคนเราได้เปิดประตูแห่งโอกาสให้กว้างขึ้นและกว้างขึ้นเพื่อให้ครอบคลุมต่อทุกคนมากขึ้น"

"ประชาธิปไตยหมายถึงการให้ประชาชนเป็นผู้กำหนด ไม่ใช่การปกครองโดยกษัตริย์ เงินตรา หรือผู้มีอำนาจ .. ประชาธิปไตยไม่ใช่แค่การตั้งรัฐบาล มันคือวิถีชีวิต ประชาธิปไตยคือการปกครองของประชาชน ความร่วมรู้สึก คือเชื้อเพลิงแห่งประชาธิปไตย ความเต็มใจของพวกเราที่จะไม่เห็นกันเป็นศัตรู แต่คือเพื่อนบ้าน แม้ยามที่เราไม่ลงรอยกันก็ตาม เพื่อที่จะได้เข้าใจในสิ่งที่คนอื่นกำลังเผชิญอยู่" ตอนหนึ่งที่ผู้นำสหรัฐฯ กล่าว

ไบเดน ยังกล่าวถึงสถานการณ์ด้านประชาธิปไตยในปัจจุบันว่า กระแสการปกครองแบบเผด็จการที่เพิ่มขึ้นทั่วโลก จะยิ่งทำให้ผู้คนถกเถียงและต่อสู้เพื่อปลดปล่อยความยุติธรรม "โอกาสความยุติธรรมมักจะเกิดขึ้นในระบอบประชาธิปไตยมากกว่าเผด็จการเสมอ"

แม้ผู้นำสหรัฐฯ จะไม่ได้ระบุถึงชัดเจนเกี่ยวกับข้อบกพร่องด้านประชาธิปไตยในอเมริกา หรือในประเทศอื่นๆ แต่คำกล่าวของผู้นำสหรัฐฯ ได้ส่งนัยยะไปถึงเหตุการณ์ที่กลุ่มผู้สนับสนุนอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ บุกโจมตีรัฐสภาสหรัฐฯ เมื่อ 6 ม.ค. เพื่อประท้วงผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีปลายปีที่แล้ว โดยเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (28 พ.ค.) วุฒิสมาชิกพรรครีพับลิกันในสภาสูงได้สกัดร่างกฎหมายที่ผ่านความเห็นชอบของสภาล่าง ซึ่งรับรองให้มีการจัดตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบเหตุการณ์วุ่นวายที่รัฐสภาดังกล่าว

สำหรับวันเมโมเรียล เดย์ เป็นช่วงสัปดาห์วันหยุดของชาวสหรัฐฯ ซึ่งทั่วประเทศมีบรรยากาศของการจัดงานรำลึกผู้วายชนม์จากสงครามต่างๆ เพื่อรำลึกถึงทหารที่สละชีพรับใช้ชาติ โดยในปีนี้ท่ามกลางสถานการณ์โควิดที่ผ่อนคลาย ส่งผลให้หลายเมืองสำคัญทั่วประเทศต่างจัดกิจกรรมรำลึกกันอย่างคึกคักอีกครั้ง หลังจากถูกยกเลิกไปเมื่อปีที่แล้ว

โดยที่นครลอสแองเจลิส มีธงชาติหลายร้อยผืนปักอยู่บนหลุมศพในสุสานแห่งชาติลอสแองเจลีส เช่นเดียวกับรัฐเพนซิลเวเนีย ซึ่งถือเป็นต้นกำเนิดวันรำลึกเมโมเรียล เดย์ ที่เก่าแก่สุดในสหรัฐฯ กว่า 150 ปี มีการกลับมาจัดขบวนพาเหรดอีกครั้งในปีนี้ เช่นเดียวกับชาวอเมริกันจำนวนมากจะแขวนธงชาติไว้ที่หน้าบ้าน หรือเดินทางไปเคารพหลุมศพของญาติพี่น้องเพื่อนที่เสียชีวิตจากสงคราม อีกทั้งชาวอเมริกันยังถือโอกาสวันเมโมเรียล เดย์ เป็นวันเริ่มต้นของสัปดาห์พักผ่อนในฤดูร้อน

สำนักงานความปลอดภัยด้านการคมนาคมของสหรัฐฯ หรือ TSA ประเมินว่า ปีนี้มีคนอเมริกันราว 1.8 ล้านคน มีแผนเดินทางผ่านสนามบินทั่วประเทศตั้งแต่ 27 พ.ค. อย่างคึกคักเนื่องจากสถานการณ์ระบาดที่ดีขึ้นหลังรัฐบาลระดมฉีดวัคซีนขนานใหญ่ เช่นเดียวกับ สมาคมยานยนต์อเมริกันคาดการณ์ว่า การเดินทางด้วยรถยนต์ในช่วงวันหยุดเมโมเรียล เดย์ ในปีนี้จะมากกว่าปีที่แล้ว 60% โดยคาดว่าจะมีคนอเมริกัน 37 ล้านคน ที่มีแผนออกเดินทางโดยรถยนต์เป็นระยะทางอย่างน้อย 80 กิโลเมตร หลังสถานการณ์โควิดดีขึ้น

ที่มา: White House , CNN , Reuters