นายสมเกียรติ ประจำวงษ์ เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) กล่าวว่าจากการประชุมวางแผนป้องน้ำท่วมกรุงเทพมหานครและชุมชนเมือง เพื่อทบทวนมาตรการรับมือตามข้อสั่งการนายกรัฐมนตรีร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง 9 หน่วยงาน พบกรุงเทพมหานครช่วงเกิดฝนตกหนักไม่สามารถระบายน้ำออกจากพื้นที่ได้ทัน จำเป็นต้องหาที่ชะลอน้ำหรือที่กักเก็บน้ำชั่วคราวก่อนระบายสู่แม่น้ำเจ้าพระยา จึงกำลังเร่งก่อสร้างแก้มลิงเพิ่มอีก 7 แห่งรองรับน้ำได้ประมาณ 400,000 ล้านลูกบาศก์เมตร แบ่งเป็นแก้มลิงบนดิน 4 แห่งและแก้มลิงใต้ดิน 3 แห่ง ประกอบด้วยสวนน้ำเสรีไทย ช่วงคลองรหัส ถึงคลองครูบึงสาธารณะลาดพร้าว 71 บึงหมู่บ้านเฟรนด์ซิพ บึงสวนเบญจกิติ WaterBank รัชดาตัดวิภาวดี WaterBank ศรีนครินทร์ กรุงเทพกรีฑา และWaterBank สุทธิพร 2 ที่ต้องเร่งทำให้แล้วเสร็จภายในเดือน ส.ค. นี้
ขณะเดียวกันกรุงเทพมหานครต้องเร่งหาแหล่งกักเก็บน้ำใช้เป็นแก้มลิงเพิ่มอีก 6 ล้านลูกบาศก์เมตร ซึ่งเป็นไปได้ค่อนข้างยากมากจำเป็นต้องหาแนวทางอื่นมารองรับไปก่อน โดยสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) จะรวบรวมข้อมูลแผนงานโครงการที่หน่วยงานดำเนินการเสนอนายกรัฐมนตรีพิจารณาต่อไป
ทั้งนี้ นายสมเกียรติ กล่าวย้ำว่ากรุงเทพมหานครขุดลอกคูคลองไปแล้ว 16 สายรวมความยาวกว่า 50 กิโลเมตร เหลือคลองอีก 5 สายที่อยู่ในพื้นที่สุ่มเสี่ยง ติดปัญหางบประมาณดำเนินการ ดังนั้นสิ่งจำเป็นต้องแก้ในระยะเร่งด่วน 2-3 เดือนนี้ เนื่องจากเมื่อปริมาณฝนตกลงมาในกรุงเทพมหานครเฉลี่ย 80 มิลลิเมตร จะเกิดน้ำท่วมขึ้นทันที เพราะระบายน้ำไม่ทัน จึงต้องเร่งปรับปรุงระบบชลประทานเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการระบายน้ำ การขจัดสิ่งกีดขวางทางน้ำ ทั้งที่เป็นสิ่งก่อสร้างและวัชพืชที่ส่งผลกระทบต่อประสิทธิภาพการระบายน้ำ เตรียมพร้อมพื้นที่รับน้ำนอง ส่วนแผนระยะสั้น ระยะกลางและระยะยาวอยู่ระหว่างรวบรวมข้อมูลเพื่อวางเป็นระบบการบริหารจัดการน้ำของกรุงเทพมหานครอย่างสมบูรณ์รูปแบบตามแผนแม่บทในอนาคต