สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย ระบุผ่านเพจเฟซบุ๊ก Fair โดยระบุว่า โดยเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา การฝึกซ้อม เพื่อเตรียมทีมของฟุตบอลชายทีมชาติไทย ชุดใหญ่ ซึ่งทางสมาคมฯ ได้อนุญาตให้สื่อมวลชนเก็บภาพ ในช่วง 15 นาทีแรกของการซ้อม อย่างไรก็ตาม ได้มีนักข่าวชาวเวียดนาม ถ่ายภาพการซ้อมจากด้านนอกของสนาม ในช่วงหลังจากที่ได้รับอนุญาต และนำไปลงยังเว็บไซต์ข่าวของตนเอง จนเป็นกระแสทางสื่อสังคมออนไลน์
ซึ่งทางฝ่ายจัดการแข่งขัน สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ได้ปรึกษากับผู้ควบคุมการแข่งขันจากฟีฟ่า พร้อมกับประสานไปยังสหพันธ์ฟุตบอลเวียดนาม เพื่อแจ้งงดออกบัตรเข้าทำข่าว ให้กับสื่อมวลชนจากสำนักข่าวดังกล่าว ในเกมการแข่งขันระหว่าง ไทย และ เวียดนาม วันที่ 5 กันยายน 2562
โดย นายพาทิศ ศุภะพงษ์ รองเลขาธิการฝ่ายต่างประเทศสมาคมฯ ชี้แจงว่า "หลังจากที่เกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้น ทางสมาคมฯ ได้มีการค้นหาข้อมูลทั้งหมด ซึ่งทางเราก็ได้พบภาพที่ทีมชาติไทยซ้อมปิด ถูกเผยแพร่สู่สาธารณะ ทางเว็บไซต์กีฬาแห่งหนึ่งของประเทศเวียดนาม"
ขณะที่ก่อนหน้านี้ สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ได้เผยแพร่คำแถลงว่า จากกรณีที่มีผู้สื่อข่าวกีฬาของเวียดนาม เดินทางเข้ามาติดตามทำข่าวการแข่งขันฟุตบอลโลกรอบคัดเลือก ระหว่างทีมชาติไทย กับทีมชาติเวียดนาม ที่จะมีขึ้นในวันที่ 5 กันยายน 2562 ณ สนามกีฬามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ รังสิต เป็นจำนวนมาก โดยได้ติดตามทำข่าวความเคลื่อนไหวของนักกีฬา ทั้ง ทีมชาติเวียดนาม และทีมชาติไทย นั้น
ในช่วงโค้งสุดท้ายของการเก็บตัว ซึ่งโค้ชของแต่ละทีมกำลังลงรายละเอียดในการฝึกซ้อม ทั้งเรื่องของเทคนิค แท็กติก กลยุทธ์ ยุทธวิธีต่างๆ ในการเล่น ซึ่งถือเป็น "หัวใจสำคัญ" ของการแข่งขันครั้งนี้ เพราะมันคือ "แผนการรบ แผนการทำศึก ของช้างศึก"
อากิระ นิชิโนะ หัวหน้าผู้ฝึกสอนคนใหม่ของทัพช้างศึก ได้ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มากถึงมากที่สุด ถึงขนาดขอให้นำสังกะสีมาปิดล้อมเพื่อไม่ให้คนภายนอกเห็นการซ้อม ขณะเดียวกันทางสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ได้ขอความร่วมมือกับบรรดาสื่อมวลชนสายกีฬาที่มาทำข่าวทั้งไทยและเทศ ซึ่งก็ได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดี
จนกระทั่งเมื่อวานนี้ (3 ก.ย.62) ได้ปรากฏภาพ “แอบถ่ายการซ้อมของแข้งช้างศึก” ทางโซเชียลมีเดีย โดยนักข่าวกีฬาชาวเวียดนามรายหนึ่ง ซึ่งแน่นอนว่าจากเหตุนี้ไม่เพียงแค่ทีมช้างศึก กลุ่มสตาฟโค้ช และสมาคมกีฬาฟุตบอลฯเท่านั้นที่ไม่พอใจ ประชาชนคนไทยทั้งที่เป็นคอบอล และไม่ใช่คอบอล ต่างแสดงความไม่พอใจอย่างมากเพราะมันเป็นการล้วงความลับ (รู้เขา รู้เรา รบสิบครั้งก็ชนะทั้งสิบครั้ง) จนมีการลบภาพออกไปแล้วก็ตาม
สมาคมกีฬาฟุตบอลฯ ระบุด้วยว่า พล.ต.อ.ดร.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง นายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ไม่ได้นิ่งนอนใจในเรื่องนี้ ได้มอบหมายให้ พล.ต.ท.อำนวย นิ่มมะโน โฆษกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ซึ่งตำแหน่งสุดท้ายก่อนเกษียณอายุราชการเป็นผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 พื้นที่เกิดเหตุตรงนี้เลยให้ลงไปสืบสวนข้อเท็จจริง โดยการทำงานครั้งนี้ ร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ตำรวจพื้นที่ ซึ่งข้อเท็จจริงปรากฏว่าห้องที่นักข่าวชาวเวียดนามไปเช่าเพื่อยิงกล้องเก็บภาพ ล้วงความลับ ได้มีการมาสำรวจกันก่อนหน้านั้น โดยมีไส้ศึกเป็นคนไทยให้การสนับสนุนช่วยเหลือ คนไทยคนนั้นมีสะพายกล้องถ่ายรูป พร้อมอุปกรณ์ทำข่าวมาด้วย
ช้างศึกกำลังจะทำศึก ขอพี่น้องประชาชนคนไทยมารวมพลังกันส่งแรงใจไปเชียร์ช้างศึกไทย และกำจัดคนขายชาติที่ทำตัวเป็นไส้ศึกให้หมดสิ้นไป
สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย ขอเชิญชวนพี่น้องประชาชนคนไทยไปร่วมเชียร์ ส่งกำลังใจไปเชียร์ทีมช้างศึกไทยให้ทำศึกครั้งสำคัญครานี้ ณ ทุ่งรังสิตให้ประสพความสำเร็จนำชัยชนะมาสู่ประชาชนคนไทยทั้งประเทศ
"หลังจากทราบชื่อผู้กระทำ ทางเราก็ตรวจสอบพบว่า ได้มีการลงทะเบียนบัตรสื่อเพื่อทำข่าวนัดนี้ไว้ด้วย ซึ่งมาตรการเบื้องต้น ทางฝ่ายจัดขออนุญาติยกเลิกบัตรสื่อ แก่นักข่าวเวียดนามที่เกี่ยวข้อง เนื่องจากการกระทำดังกล่าว เป็นการกระทำที่ไม่เหมาะสม" สมาคมกีฬาฟุตบอลฯระบุ
"จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เราก็ได้มีการพูดคุยกับ ผู้ควบคุมการแข่งขันจากฟีฟ่า ที่ทำหน้าที่ในแมตช์นี้ เขาก็ได้แนะนำให้มีการทำรายงานส่งไปยังฟีฟ่า เพื่อชี้แจงเรื่องทั้งหมด ซึ่งล่าสุด นักข่าวคนที่ถูกงดออกบัตรสื่อ ได้ส่งจดหมายชี้แจงเข้ามาที่สมาคมฯ เพื่อรับทราบ พร้อมกันนี้ ทางเราก็ได้ส่งข้อมูลทั้งหมด ให้กับทางสหพันธ์ฟุตบอลเวียดนาม เพื่อของดให้นักข่าวคนดังกล่าว เข้าร่วมผลิตข่าวในเกมการแข่งขัน เพื่อให้เขาทราบต่อไป"
"เหตุการณ์ดังกล่าว เป็นเหตุการณ์ที่เราไม่สามารถควบคุมได้ เราสามารถปิดสนามได้ก็จริง แต่เราไม่สามารถควบคุม พื้นที่รอบนอกทั้งหมดได้ สาเหตุที่ต้องดำเนินการ เป็นเพราะภาพดังกล่าว มันเกิดการเผยแพร่ไปสู่สาธารณะ และถือเป็นการเสียมารยาท เพราะก่อนหน้านี้เราได้แจ้งแล้วว่ามันเป็นการซ้อมปิด"
สำหรับทีมชาติไทยจะลงทำศึกฟุตบอลโลก 2022 รอบคัดเลือก โซนเอเชีย รอบสอง กลุ่มจี วันที่ 5 ก.ย.นี้เวลา 19.00 ที่สนามมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต พบกับทีมชาติเวียดนาม โดยจะมีการถ่ายทอดสดผ่านทางไทยรัฐทีวี ช่อง 32 โดยบัตรเข้าชมขายหมดแล้วทุกที่นั่ง ต่อด้วยบุกเยือน ทีมชาติอินโดนีเซีย วันที่ 10 ก.ย. เวลา 19.30 น. ถ่ายทอดสดทาง ไทยรัฐ ทีวี ช่อง 32
โดยกลุ่มจี ไทย อยู่ร่วมสายกับ ยูเออี เวียดนาม มาเลเซีย และอินโดนีเซีย
ในรอบคัดเลือกรอบนี้ เป็นอีกครั้งที่ทีมแชมป์ของแต่ละสาย 8 ทีม บวกกับรองแชมป์ของสายที่มีผลงานดีที่สุด 4 ทีม จะได้ผ่านเข้าไปเล่นเอเชียน คัพ รอบสุดท้าย โดยอัตโนมัติ ซึ่งทั้ง 12 ทีม (ยกเว้นเจ้าภาพกาตาร์) จะมีการหา 4 ทีมที่ดีที่สุด เป็นตัวแทนทวีป ไปเล่นรอบสุดท้าย ฟุตบอลโลก 2022 ขณะที่ทีมอันดับ 5 ของทวีป จะได้เล่นเพลย์ออฟกับตัวแทนจากต่างทวีป เพื่อคว้าสิทธิ์ไปเล่นฟุตบอลโลก รอบสุดท้าย
ภาพข่าว - เพจเฟซบุ๊ก ช้างศึก
ข่าวที่เกี่ยวข้อง