พรรคประชาธิปัตย์จัดปราศัยใหญ่ครั้งสุดท้ายก่อนการเลือกตั้งที่ลานคนเมือง กรุงเทพมหานคร ภายใต้แนวคิด 'ประชาชนเป็นใหญ่ ประชาธิปไตยสุจริต' โดยประชาชนมารับฟังเต็มลานคนเมือง ซึ่งหนึ่งในนั้นมีผู้สังเกตเห็นว่า หม่อมราชวงศ์จัตุมงคล โสณกุล หัวหน้าพรรครวมพลังประชาชาติไทย เข้าร่วมรับฟังการปราศัยในครั้งนี้ด้วยเช่นกัน ในการปราศัยครั้งนี้แกนนำพรรคประชาธิปัตย์ทั้งรุ่นเก่าและรุ่นใหม่ผลัดกันขึ้นเวทีปราศัยอย่างพร้อมเรียง
นายพริษฐ์ วัชรสินธุ แกนนำกลุ่ม New Dem ของพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ไม่เชื่อว่าประเทศไทยจะเข้าสู่ความเป็นเสรีประชาธิปไตย หากประชาธิปัตย์ไม่ได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล เนื่องจากไม่เชื่อว่า พล.อ.ประยุทธ์จะสามารถนำพาประเทศไปสู่การเป็นประชาธิปไตยในแบบสากลได้
นายพริษฐ์ยังย้ำว่า การเดินไปสู่เสรีประชาธิปไตย ต้องมีโอกาสทางเศรษฐกิจที่เท่าเทียมกัน และต้องมีประชาธิปไตยที่สุจริตเท่านั้น
"การเลือกพรรคการเมืองก็เหมือนการเลือกคู่ชีวิตที่พร้อมเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมไปพร้อมๆ กับเรา จึงอยากขอให้เลือกพรรคการเมืองที่พร้อมจะเปลี่ยนแปลงไปพร้อมกับประชาชน"
นายชวน หลีกภัย อดีตนายกรัฐมนตรี ย้ำว่า วิสัยทัศน์การสร้างคนเป็นสิ่งที่สำคัญและเป็นสิ่งที่พรรคประชาธิปัตย์ยึดถือมาโดยตลอดทั้งนโยบายนมโรงเรียน การจัดตั้งกองทุนกู้ยืมเพื่อการศึกษา หรือกองทุนผู้สูงอายุที่พรรคประชาธิปัตย์เป็นพรรคที่เริ่มดำเนินนโยบายในสมัยตนเป็นนายกรัฐมนตรี
นายชวนย้ำว่า การเลือกตั้งเป็นสิ่งที่สำคัญมากและการเลือกตั้งในระบอบประชาธิปไตยต้องสุจริตและยังขอให้ประชาชนช่วยกันตรวจสอบด้วยว่าผลการเลือกตั้งที่ได้มานั้นชนะด้วยวิธีการโกงหรือไม่
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ขึ้นเวทีเป็นคนสุดท้ายกล่าวว่า พร้อมที่จะนำพาประเทศไทยสร้างการเมืองและระบอบประชาธิปไตยสุจริต เพื่อสร้างสังคม เศรษฐกิจและการเมืองที่เป็นมาตรฐานสากล
ปัญหาหลังการเลือกตั้งจะเป็นปัญหาเรื่องการสืบทอดอำนาจ ซึ่งตนไม่ยอมให้มีการสืบทอดอำนาจต่อไป และไม่เอา พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกรัฐมนตรีแน่นอน และที่ผ่านมา 5 ปีนั้นตนเองไม่เคยเป็นปฏิปักษ์กับประยุทธ์และต้องขอบคุณพล.อ.ประยุทธ์ด้วยซ้ำที่ทำงานให้ผม แต่วันนี้ตลอด 2 เดือนที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์แสดงให้เห็นว่าเป็นผู้สมัครนายกรัฐมนตรีที่ไม่เหมือนคนอื่น และอย่าประเมินว่า 4-5 ปีที่ผ่านมาเอาอยู่ ต้องมองไปในอนาคต และย้อนไปดูอดีตที่มีการสืบทอดอำนาจของทหารในการเมืองไทยที่ก่อให้เกิดเหตุการณ์ทางการเมืองทั้ง 14 ตุลา จนถึงเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ ซึ่งล้วนเป็นการสืบทอดอำนาจของคณะรัฐประหารทั้งสิ้น
หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ยังกล่าวว่า วันนี้สิ่งที่เสียดายที่สุด คือ ทำไมพรรคการเมืองอื่นให้ประชาชนเป็นหมากในกระดานเพื่อเล่นสงครามในการเลือกข้าง โดยให้ประชาชนเลือกข้างระหว่างความโกรธกับความกลัว พรรคการเมืองหนึ่งได้ยินคำว่าทุจริตเหมือนโดนน้ำร้อนสาด ขณะที่อีกฝ่ายหนึ่งเล่นกับความกลัวของประชาชนที่กลัวระบอบทักษิณ
นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ระบอบทักษิณนั้นไม่ได้เจาะจงแต่เฉพาะพฤติกรรมของนายทักษิณ ชินวัตรเท่านั้น แต่เป็นพฤติกรรมที่เกิดขึ้นอย่างไม่ถูกต้องในบ้านเมือง แล้วถามว่าพฤติกรรมของฝ่ายนั้นแตกต่างจากระบอบทักษิณหรือไม่ ลงเลือกตั้งเอาอำนาจรัฐเอาเปรียบหรือไม่
ทั้งนี้อดีตนายกฯ ปิดท้ายการปราศัยว่า อย่าลังเลให้กับการสืบทอดอำนาจกับการทุจริตอีก ไม่เช่นนั้นประเทศจะสูญเสียโอกาสและเกิดความเสียหาย วันนี้ขอให้เรามาเดินพร้อมกัน เพราะตนตัดสินใจแล้วว่าอยากเดินออกจากวงจรอุบาทว์ พรรคปชป.จะทำให้ประเทศก้าวหน้าและนำพาประเทศไปสู่ประชาธิปไตยสุจริต
หน.พรรครวมพลังประชาชาติไทยโผล่หน้าเวที ปชป.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าในช่วงระหว่างที่นายชวนกำลังปราศรัยอยู่นั้น ปรากฏว่าม.ร.ว.จตุมงคล โสณกุล หัวหน้าพรรครวมพลังประชาชาติไทย (รปช.) บิดาม.ร.ว.อภิมงคล โสณกุล ผู้สมัครส.ส.เขต 3 ยานนาวา บางคอแหลม ได้เดินมายืนฟังที่หน้าเวที เมื่อผู้สื่อข่าวสอบถามว่ามาทำไม ม.ร.ว.จตุมงคลตอบเพียงสั้นๆว่า “มาดูว่าอภิสิทธิ์หางกุดหรือยัง” แต่เมื่อถามย้ำอีกครั้ง ม.ร.ว.จตุมงคลกล่าวว่ามาดูเพื่อศึกษาหาความรู้เพิ่มเติมเท่านั้น เมื่อถามต่อว่าวันนี้ไม่มีคิวปราศรัยที่ไหนหรือ หัวหน้าพรรครปช.กล่าวว่าไม่มี