ไม่พบผลการค้นหา
อัยการญี่ปุ่นเตรียมเรียก 'ชินโซ อาเบะ' เข้าให้การ หลังพบเอี่ยวใช้เงินรัฐจัดงานเลี้ยงกลุ่มผู้สนับสนุนพรรคแอลดีพี

สำนักงานอัยการกรุงโตเกียว เปิดเผยว่า เตรียมเรียกอดีตนายกรัฐมนตรีชินโซ อาเบะ เข้าให้การกรณีที่เลขานุการอาเบะ ไม่เปิดเผยรายงานค่าใช้จ่าที่ใช้ในการจัดงานเลี้ยงอาหารค่ำแก่กลุ่มผู้สนับสนุนพรรคแอลดีพี ซึ่งเป็นพรรครัฐบาลของอาเบะ ทั้งยังพบว่ามีการใช้เงินของรัฐในค่าใช้จ่ายการจัดงานเลี้ยงดังกล่าวด้วย

รายงานระบุว่า แม้อัยการญี่ปุ่นยังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะฟ้องร้องคดีต่อเลขานุการและอดีตนายกฯ หรือไม่ แต่แหล่งข่าวเผยกับสื่อท้องถิ่นว่า เลขานุการของอาเบะ เป็นหนึ่งในแกนนำผู้จัดงานเลี้ยงอาหารค่ำให้แก่กลุ่มผู้สนับสนุนพรรคแอลดีพี ระหว่างปี 2556 ถึง 2562 โดยเป็นการจัดงานขึ้น 1 วันก่อนมีงานเลี้ยงชมดอกซากุระประจำปี ซึ่งเป็นงานที่รัฐบาลเป็นผู้รับผิดชอบจัดทุกปี

การจัดงานเลี้ยงกลุ่มผู้สนับสนุนพรรค มีการใช้โรงแรมหรูสองแห่งในกรุงโตเกียวตลอด 5 ปีที่ผ่านมา จนถึงปีที่แล้วรวมค่าใช้จ่ายในการจัดงานแล้วทั้งสิ้น 23 ล้านเยน ซึ่งสูงกว่าเงินบริจาคที่ได้จากกลุ่มผู้สนับสนุน โดยผู้เข้าร่วมงานดังกล่าวจะต้องบริจาคเงินคนละ 5,000 เยน แต่การจัดงานเลี้ยงหรูในโรงแรมห้าดาว เฉลี่ยค่าใช้จ่ายผู้เข้าร่วมงานแล้วตกคนละ 11,000 เยน

แหล่งข่าวยังเผยอีกว่า เพื่อชดเชยส่วนต่าง พรรคของอาเบะซึ่งเป็นผู้จัดงานต้องออกค่าใช้จ่ายเองกว่า 1 ล้านเยนทุกปี บางปีอาจมากถึง 2.5 ล้านเยน นอกจากนี้ แหล่งข่าวระบุอีกว่ารายได้และค่าใช้จ่ายทั้งหมดที่ไม่ได้ถูกเปิดเผยในรายการกองทุนการเมืองนั้นอาจมีมูลค่าเกิน 40 ล้านเยน โดยพบว่าเอกสารรายชื่อผู้เข้าร่วมงานเลี้ยงถูกทำลายหลังจากพรรคฝ่ายค้านขอดูหลักฐาน

อย่างไรก็ดี ก่อนหน้านี้นายกอาเบะปฏิเสธว่าไม่ได้ปกปิดความผิดใดๆ ทั้งยืนยันว่าผู้ร่วมงานเป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายเองทั้งหมด

การสืบสวนที่กำลังจะเริ่มต้นนี้ อาจกลายเป็นปัญหาให้กับนายกรัฐมนตรีโยชิฮิเดะ ซุกะ ทายาททางการเมืองของอาเบะ เนื่องจากขณะที่อาเบะเป็นนายกฯ ซุกะดำรงตำแหน่งเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ซึ่งมีส่วนช่วยปกป้องอาเบะในระหว่างถูกอภิปรายถึงเรื่องนี้ในสภาเมื่อเดือน พ.ย. ปีที่แล้ว

ญี่ปุ่นมีกฎหมายห้ามนักการเมืองจัดหาสิ่งของมอบให้กับผู้มีสิทธิเลือกตั้ง โดยก่อนหน้าน้ เคยมี 2 รัฐมนตรีในครม.อาเบะ ประกาศลาออกจากตำแหน่ง หลังพบว่ามอบเมลอน และปู ซึ่งเป็นของมีมูลค่าสูง ให้กับฐานเสียงในเขตเลือกตั้งของตน

ที่มา : Kyodo , Bloomberg