พันตำรวจเอกจรุงวิทย์ ภุมมา เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต.ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนก่อนการเป็นประธานการประชุมเตรียมการจัดการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร หรือ ส.ส. โดยมีผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำจังหวัดทั่วประเทศเข้าร่วม
พ.ต.อ.จรุงวิทย์ ระบุว่า จำนวนผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งทั่วประเทศราว 51 ล้านคน แต่ละจังหวัดจะมีหน่วยเลือกตั้งประมาณ 90,000 หน่วย แบ่งโดยจำนวนประชากรไม่เกิน 1000 คนต่อ 1 หน่วยเลือกตั้ง เป็นภารกิจแรกที่ต้องเตรียมการ
รวมทั้งวัสดุอุปกรณ์ต่างๆ ที่รัฐจะ support พรรคการเมืองทั้งป้ายไวนิล กำหนดสถานที่ให้พรรคการเมืองปิดประกาศให้ผู้สมัครใช้กระดาษขนาด A3 ไปติดเอง รวมถึงเตรียมการเย็บเล่มระบุจำนวนผู้สมัคร , ชื่อพรรค , นโยบายและผู้ถูกเสนอชื่อเป็นนายกรัฐมนตรี แจกทุกครัวเรือนในเขตเลือกตั้ง โดยวันที่ 19 ธันวาคมนี้จะประชุมรายละเอียดกับพรรคการเมืองอีกครั้ง รวมทั้งงบประมาณที่สนับสนุนและการหาเสียงทาง Social Media ด้วย
ส่วนรูปแบบบัตรเลือกตั้งนั้น ทางสำนักงาน จะเสนอให้ที่ประชุม กกต.พิจารณาในสัปดาห์หน้า และไม่ว่าจะเป็นรูปแบบใดก็สามารถจัดพิมพ์ให้พร้อมในการเลือกตั้งได้ ซึ่งนอกจากต้องประเมินศักยภาพโรงพิมพ์แล้ว ต้องคำนึงถึงความปลอดภัยไม่ให้มีบัตรปลอม ส่วนข้อเสนอพรรคเดียวเบอร์เดียว ต้องแก้กฎหมายซึ่งอยู่นอกเหนืออำนาจ กกต.
สำหรับการนับคะแนน เชื่อว่าจะมีความโปร่งใส ไม่มีการทุจริต หรือการย้ายหีบเลือกตั้ง เนื่องจากจะนับคะแนนที่หน่วยเลือกตั้ง และมีผู้สังเกตการณ์จากพรรคการเมือง ภาคประชาชน รวมถึงต่างประเทศ ซึ่ง กกต.จะเทียบเชิญมาหลังจากมีพระราชกฤษฎีกาจัดให้มีการเลือกตั้ง ส.ส.บังคับใช้ และการป้องกันการทุจริตจะดำเนินการเต็มรูปแบบ ผู้กระทำผิดจะไม่ได้รับการละเว้น เพื่อให้การเลือกตั้งบริสุทธิ์ ยุติธรรม
พ.ต.อ.จรุงวิทย์ ยอมรับว่าการจะไปไล่ตรวจสอบรัฐบาลทำอะไรบ้างในช่วงนี้ค่อนข้างลำบาก เพราะรัฐบาลมีอำนาจตามกฎหมาย โดยเฉพาะการดำเนินการตามแนวนโยบายของรัฐ รวมถึงชื่อโครงการหรือผลิตภัณฑ์ต่างๆ ที่คล้ายกับพรรคการเมืองที่สนับสนุนผู้มีอำนาจ หากอยู่ในแนวนโยบายของรัฐก็สามารถทำได้
ขณะเดียวกัน รัฐบาล คสช.จะไม่ได้อยู่ในสถานะรักษาการณ์อย่างที่ผ่านมา การดำเนินนโยบายต่างๆ ยังทำได้ในช่วงที่มีการเลือกตั้ง
