นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ และนายพุทธิพงศ์ ปุณณกันต์ แกนนำพรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงการเลือกหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐคนใหม่ ที่มีการเสนอชื่อ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ประธานยุทธศาสตร์พรรค ว่าขอดูในที่ประชุมก่อนว่าจะมีการเสนอรายชื่ออะไรบ้าง ในส่วนของกลุ่มนั้นก็เชื่อมั่นว่า พล.อ.ประวิตร จะสามารถนำพาพรรคไปได้ ซึ่งเป็นเรื่องธรรมดาในการเปลี่ยนแปลงของพรรคการเมืองให้สอดคล้องกับสถานการณ์ โดยมีเป้าหมายเป็นพรรคอันดับ 1 ของประเทศ
ทั้งนี้ พล.อ.ประวิตร มาเป็นหัวหน้าพรรค คิดว่าจะทำให้การขับเคลื่อนของ ส.ส. และตัวแทนทั้งประเทศ มีการประสานงานกันใกล้ชิดมากขึ้น โดยที่ผ่านมาต้องยอมรับว่า แม้ว่าจะทำได้ดีในระดับหนึ่ง แต่พรรคมีเป้าหมายที่จะต้องมีตัวแทนทั่วประเทศมากกว่านี้ โดยยังไม่ทราบว่าใครจะเป็นรองหัวหน้าพรรคบางทั้ง 9 คน
ส่วนการตั้งข้อสังเกตว่าการตั้งรองหัวหน้าพรรคจำนวน 9 คนเป็นการกระจายอำนาจให้กลุ่มก๊กกวนต่างๆ นั้น ระบุว่าในส่วนของนักการเมือง ทราบกันดีอยู่แล้วว่าใครมีความสามารถหรือศักยภาพมากน้อยอย่างไรที่จะประสานงานกัน เพราะการทำงานมีหลายรูปแบบและหลายมิติ เช่น การทำงานในพื้นที่ การประชาสัมพันธ์ขับเคลื่อนนโยบายของพรรค ที่พรรคการเมืองต้องมีความแข็งแรง
ขณะที่นายพุทธิพงษ์ กล่าวถึงภาพลักษณ์ของพรรค หาก พล.อ.ประวิตรขึ้นเป็นหัวหน้าพรรคจะตอกย้ำภาพความเป็นทหารและการสืบทอดอำนาจหรือไม่ว่า จะต้องดูโครงสร้างของพรรค และย้ำว่าพรรคพลังประชารัฐเป็นพรรคเดียวที่ได้รับการเลือกตั้งจากทั่วประเทศ ซึ่งสะท้อนถึงการตอบรับของประชาชน โดยพรรคมีตัวแทน ส.ส. มาจากทั่วทุกภาค จึงเลยจากจุดที่ว่าสืบทอดอำนาจแล้ว เพราะผ่านการเลือกตั้งตามระบอบประชาธิปไตยมาแล้ว
อีกทั้งในวันนี้เช่นเดียวกันที่มีการเลือกกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ โดยเฉพาะการเลือกหัวหน้าพรรค ที่ก็เป็นไปตามระบบประชาธิปไตย ภายใต้กฎหมาย ซึ่งผู้ที่เลือกก็เป็นสมาชิกที่เป็นองค์ประชุม โดยสะท้อนถึงสัญลักษณ์ความเป็นพลังประชารัฐ เป็นระบอบประชาธิปไตยที่ถูกต้องและสมบูรณ์
ส่วนการที่ พล.อ.ประวิตร หลังได้ขึ้นเป็นหัวหน้าพรรคแล้วจะทำให้ปัญหาต่างๆ ภายในพรรคหายไปหรือไม่และภาพลักษณ์ของพรรคจะเป็นอย่างไร นายพุทธิพงศ์ กล่าวว่า ขอให้โอกาส พล.อ.ประวิตรซึ่งเป็นคนดี มีคนรักมาก เป็นคนมีบารมีเข้าใจการเมืองและเข้าใจการบริหารประเทศ จึงต้องติดตามรอดูผลงาน โดยเชื่อว่าจะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้น ตรงกันและส่วนตัวเชื่อว่าทุกคนเข้าใจ ว่าพล.อ.ประวิตรจะเข้ามาประสานรอยร้าวในพรรค ด้วยบุคลิกของ พล.อ.ประวิตร เป็นคนน่ารักและมีบารมีที่ทุกคนให้ เพราะพรรคมาจากคนหลายกลุ่ม เมื่อมารวมกันก็ต้องการให้มีส่วนร่วมที่เป็นหัวเรือหลัก ให้กับทุกกลุ่มได้ ที่จะมีการพูดคุยและพบปะกันบ่อยครั้งขึ้น
พร้อมยืนยันว่าพรรคพลังประชารัฐไม่ใช่พรรคเฉพาะกิจตั้งแต่แรก ก่อนจะย้ำว่าการปรับโครงสร้างของพรรคจะทำให้เพราะมีความเข้มแข็งขึ้น จึงเชื่อว่าเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้ พล.อ.ประวิตร เข้ามาดูแลพรรคเพื่อการสร้างความเข้มแข็งสามารถ เป้าหมายเพิ่มจำนวน ส.ส.ให้มากขึ้น