เมื่อวันที่ 25 ส.ค. เวลา 11.30 น. ที่โรงพยาบาลตำรวจ นพ.ตุลย์ สิทธิสมวงศ์ เดินทางมายื่นหนังสือถึง พล.ต.ท.โสภณรัชต์ สิงหจารุ นายแพทย์ใหญ่ โรงพยาบาลตำรวจ ในกรณีการ รับตัวนักโทษชายทักษิณ ชินวัตร ไว้รักษาตัวที่โรงพยาบาลตำรวจ ซึ่งวันนี้ นพ.ตุลย์ แต่งกายมาด้วยชุดสีดำ เพื่อไว้อาลัยต่อกรมราชทัณฑ์ และขบวนการอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง
โดย นพ.ตุลย์ เผยว่า ที่มาวันนี้เพื่อขอให้โรงพยาบาลตำรวจ และกรมราชทัณฑ์ดำเนินการกับข้อกังขาที่สังคมตั้งคำถามให้หายไปทั้งหมด อย่างอาการป่วยนั้นหนักจริงหรือไม่ เพราะถ้าอาการหนักจริงก็เห็นด้วยที่ต้องอยู่ในโรงพยาบาลตำรวจ และมองว่าหากส่งไปโรงพยาบาลเอกชน อย่างโรงพยาบาล พระราม 9 คิดว่าเป็นเรื่องที่แปลกมากเพราะโรงพยาบาลอื่นๆ ก็สามารถรักษาอาการป่วยของทักษิณได้เช่นกัน
เมื่อถามว่าเชื่อหรือไม่ว่า ทักษิณ มีอาการป่วยทั้ง 4 โรคจริงๆ น.พ.ตุลย์ เผยว่า เชื่อว่าป่วยจริง แต่ยังมีนักโทษอื่นๆที่ป่วยด้วย 4 โรคนี้จำนวนมากเช่นกัน แต่ก็ได้รับการรักษาอยู่ที่เรือนจำ
มองว่ากรณีนี้มีเรื่องที่ไม่สมเหตุสมผลมากมายแต่ไม่สามารถฟันธงได้ว่าสิ่งที่ถูกต้องคืออะไร เพราะเป็นข้อมูลความลับของผู้ป่วย ตนทำได้เพียงสันนิษฐานตามข้อมูลที่ปรากฏต่อสาธารณะ
เมื่อถามว่าเชื่อหรือไม่ว่าทักษิณรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลตำรวจ นพ.ตุลย์ เผยว่า น่าจะอยู่ หากไม่อยู่ก็คงโดน ม.157 กันระนาวแน่นอน และหากว่ามีแพทย์จากหน่วยงานอื่นเข้าร่วมในการรักษานายทักษิณ อย่างที่กลุ่ม คปท. เสนอไปนั้น จะเข้าร่วมหรือไม่ นพ.ตุลย์ เผยว่า ไม่เข้าร่วม และไม่จำเป็นเพราะตนไม่ใช่แพทย์อายุรกรรมโรคหัวใจหรือปอด ที่มาเรียกร้องเพราะพูดแทนใจกับข้อกังขาของคนไทยทั้งประเทศ เมื่อ ทักษิณ กลับมารับโทษ ก็ควรได้รับการดำเนินคดีตามมาตรฐานเดียวไม่ควรได้รับสิทธิเหนือผู้อื่น
นอกจากนี้ นพ.ตุลย์ ยังมี 3 ข้อเรียกร้องต่อ รพ.ตำรวจ ดังนี้
1. หาก ทักษิณ มีอาการป่วยหนักตามที่แถลงจริง ควรได้รับการรักษาในห้องผู้ป่วย ICU เท่านั้น ไม่ใช่อยู่ในห้องรับรองพิเศษทันทีที่รับเข้ามาจากโรงพยาบาลกรมราชทัณฑ์ แล้วไม่สมเหตุสมผลกับอาการของผู้ป่วย
2. โรงพยาบาลตำรวจเป็นเพียงสถานรักษาพยาบาลชั่วคราวแทนโรงพยาบาลกรมราชทัณฑ์ ในกรณีที่นักโทษป่วยหนักเท่านั้น และเมื่อได้รับตัวนักโทษมาแล้ว ควรเร่งทำการรักษาตามมาตรฐานทางการแพทย์ ให้กลับมาอยู่ในเกณฑ์ปกติโดยเร็ว และส่งกลับไปรักษาตัวต่อที่โรงพยาบาลกรมราชทัณฑ์ต่อไป
3. การจัดให้ ทักษิณ พักในห้องรับรองพิเศษ ซึ่งปกติเป็นห้องรับรองของข้าราชการตำรวจระดับผู้บัญชาการใช้เท่านั้น จึงมองว่าไม่สมควรอย่างยิ่ง แม้ทักษิณจะเคยเป็นนายกรัฐมนตรี แต่ตอนนี้ถูกพิพากษาให้เป็นนักโทษเด็ดขาด แต่กลับได้อยู่ในห้องรับรองพิเศษ จึงมองว่าเป็นการได้รับสิทธิพิเศษเหนือนักโทษทั่วไป
4. การจัดคิวให้เยี่ยมญาติในวันที่ 28 สิงหาคม เป็นหน้าที่โดยตรงของกรมราชทัณฑ์ไม่ใช่อำนาจของโรงพยาบาลตำรวจ