ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.ท.ปิยะ อุทาโย ผู้ช่วย ผบ.ตร. และโฆษก ตร. เปิดเผยความคืบหน้า จากกรณีเมื่อวันที่ 6 ม.ค. 2563 เวลาประมาณ 20.30 น. เกิดเหตุคนร้าย 2 คน สวมหมวกกันน็อกใช้รถจักรยานยนต์ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียนเป็นพาหนะขับเข้ามาใน ซอยสาริกา ถนนสุรวงศ์ แขวงสุริยวงศ์ เขตบางรัก กทม. และใช้อาวุธปืน ยิงใส่ด้านซ้ายของรถยนต์นั่งส่วนบุคคล ยี่ห้อ Lexus สีขาว หมายเลขทะเบียน 9 กจ 351 กรุงเทพมหานคร ที่ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ที่ปรึกษาพิเศษประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ขับมาจอดไว้บริเวณดังกล่าว และหลบหนีไป โดยไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บ
พล.ต.ท.ปิยะ กล่าวว่า หลังได้รับแจ้งเหตุ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เข้าทำการตรวจสถานที่เกิดเหตุ ตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิด สอบปากคำพยานที่เกี่ยวข้อง และเร่งทำการสืบสวนสอบสวนในคดีดังกล่าว เบื้องต้นจากการตรวจพิสูจน์รถยนต์คันที่ถูกยิง พบร่องรอยถูกกระสุนปืนยิง จำนวน 8 นัด ที่บริเวณข้างตัวรถทางซ้าย บริเวณประตูหน้า 1 นัด และประตูหลัง 7 นัด
ทั้งนี้ขอเรียนว่าคดีนี้ถือเป็นคดีสำคัญ ผู้บังคับบัญชาของสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้ลงมากำกับดูแล และสั่งการให้เร่งดำเนินการ ติดตาม เร่งรัด ผลการตรวจสอบวิถีกระสุนปืน ตรวจหัวกระสุน วิเคราะห์เนื้อโลหะของกระสุนปืน ตรวจเปรียบเทียบหัวกระสุนปืนด้วยระบบอัตโนมัติจากกองพิสูจน์หลักฐานกลาง เร่งรัดตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิด ทั้งก่อนเกิดเหตุ-หลังเกิดเหตุ รวมถึงตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิด บริเวณสถานที่เกิดเหตุและในซอยสาริกา ก่อนเกิดเหตุย้อนหลัง 7 วัน และติดตามประจักษ์พยานหรือพยานแวดล้อมหรือบุคคลที่ได้รู้ได้เห็นได้ยินเพิ่มเติมประกอบในคดี ซึ่งหากมีความคืบหน้าจะได้ชี้แจงให้ทราบต่อไป
โดยสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้กำชับให้เร่งจับกุมคนร้ายที่ก่อเหตุมาดำเนินคดีตามกฎหมายให้ได้โดยเร็ว พร้อมกันนี้ได้กำชับผู้บังคับบัญชาทุกพื้นที่ ให้กำหนดมาตรการป้องกันเหตุ เพื่อป้องกันมิให้เกิดเหตุร้ายขึ้นอีก โดยหากเกิดเหตุต้องติดตามจับกุมผู้กระทำความผิดได้โดยเร็ว พนักงานสอบสวนต้องดำเนินการรวบรวมพยานหลักฐาน ด้วยความรอบคอบ รวดเร็ว เป็นธรรม อาศัยพยานหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์และพยานหลักฐานที่เชื่อมโยงกับผู้ที่ก่อเหตุเป็นสำคัญ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับพี่น้องประชาชน นักลงทุน และนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ
ด้าน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี คนร้ายลอบยิงรถยนต์ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ที่ปรึกษาพิเศษนายกรัฐมนตรี ว่า เป็นเรื่องของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ได้ติดตาม ซึ่งตนก็ยังไม่ทราบสาเหตุ และเป็นเรื่องที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจะได้ติดตามต่อไป ขณะนี้เองยังไม่ได้รับการรายงานเพิ่มเติมเนื่องจากตนประชุมคณะรัฐมนตรีเพิ่งเลิก และเป็นเรื่องของตำรวจให้ตำรวจว่ากันไป ยังไม่ได้มีการพูดคุย พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ แต่อย่างใด และจะมาคุยกับตนเรื่องอะไร ไม่ใช่เจ้าหน้าที่ ส่วนจะเกี่ยวข้องกับงานที่มีความเสี่ยงหรือไม่นั้น ตนไม่รู้ต้องไปถามตัว พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ เอง
ข่าวที่เกี่ยวข้อง