เครือข่ายรามคำแหงเพื่อประชาธิปไตย จัดชุมนุม 'คนรามจะไม่ทน' คนรามคำแหงจะไม่ยอมจำนนต่ออำนาจเผด็จการ ที่ตึก SBB ภายในมหาวิทยาลัยรามคำแหง (หัวหมาก) ซึ่งย้ายสถานที่จากลานพ่อขุน เนื่องจากฝนตกหนักตั้งแต่ช่วงเย็น (14 ส.ค.) โดยมีการเชิญชวนศิษย์เก่า ศิษย์ปัจจุบันและประชาชน มาร่วมแสดงจุดยืนต่อต้าน 'รัฐบาลประยุทธ์' พร้อมประกาศจุดยืน 9 ข้อ ประกอบด้วย
1.แก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับเผด็จการทหาร โดยมี ส.ส.ร.
2.หยุดคุกคามประชาชน
3.ไม่เอารัฐประหาร
4.ไม่เอารัฐบาลแห่งชาติ
5.ส.ว.ต้องมาจากการเลือกตั้งของประชาชน
6.ส.ว.ต้องไม่มีสิทธิโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี
7.ยุบสภา
8.นายกรัฐมนตรีต้องมาจากการเลือกตั้ง
9.องค์กรอิสระต้องมาจากประชาชน
พร้อมกันนี้ ได้มีนักศึกษาสลับกันขึ้นปราศรัย โดยมี 'ศิษย์เก่ารามคำแหง' ที่เคลื่อนไหวทางสังคมและการเมืองในบทบาทภาคประชาชน ขึ้นเวทีด้วย ที่สำคัญคือ วรา จันทร์มณี นักวิชาการอิสระด้านรัฐศาสตร์และอดีตกรรมการฝ่ายวิชาการองค์การนักศึกษารามคำแหง หรือ อสมร.ปี 2538, บารมี ชัยรัตน์ ที่ปรึกษาสมัชชาคนจน, นิติรัฐ ทรัพย์สมบูรณ์ ผู้ประสานงานเครือข่ายรัฐสวัสดิการเพื่อความเท่าเทียมและเป็นธรรม หรือ We Fair , ธัชพงศ์ แกดำ เลขาธิการศูนย์ประสานงานเยาวชนเพื่อสังคมนิยมประชาธิปไตย หรือ YPD และธนเดช ใจสบาย ผู้ประสานงานเครือข่ายเยาวชนปกป้องสิทธิ
โดยแต่ละคนต่างเชื่อมโยงประเด็นขับเคลื่อนทางสังคมกับการเคลื่อนไหวเพื่อประชาธิปไตยของเยาวชนทั้งการต่อสู้เพื่อรัฐสวัสดิการ, การต่อสู้ของขบวนการคนจน รวมถึงการปฏิรูปการเมืองที่ไม่เป็นจริง เป็นเพียงข้ออ้างปูทางรัฐประหารปี 2557 เท่านั้น
กฤษณะ ไก่เเก้ว ผู้ประสานงานเครือข่ายรามคำแหงเพื่อประชาธิปไตย กล่าวตอนหนึ่ง ย้ำถึงการต้องแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นประการแรก โดยเฉพาะในส่วนที่รับรองความชอบธรรมของการรัฐประหารหรือนิรโทษกรรมให้กับ คสช.และในส่วนที่เกี่ยวกับที่มาและอำนาจของ ส.ว.
อรรถพล บัวพัฒน์ ตัวแทนกลุ่มขอนแก่นพอกันดี กล่าวปราศรัยตอนหนึ่งว่า "ประเทศไทยกำลังจะวิบัติชิบหาย เพราะชายสูงวัยใส่เสื้อคับ" ซึ่งหมายถึง ผบ.ทบ.โดยเฉพาะการคุกคามและแสดงตัวเป็นปฏิปักษ์กับประชาชน และกล่าวถึงนายพลเผด็จการในอดีต ที่หลังจากตายไปแล้ว ทิ้งมรดกไว้เป็นพันล้าน ซึ่งล้วนเป็นเงินภาษีประชาชน พร้อมกับทิ้งเมียน้อยอีกหลายคนแย่งสมบัติกัน ดังนั้น ถ้าจะตั้งชื่อเรื่องนี้ขอตั้งชื่อว่า "คนบ้า...กับภาษีที่หายไป"
ขณะที่คนรุ่นใหม่ต่างเสียอนาคตและเสียโอกาสจากการถูกเกณฑ์ไป "รบกับหญ้าฆ่ากับมด" เป็นเวลา 2 ปี ซึ่งตนมองว่า ถ้าชาติหมายถึงประชาชนก็ถือว่าเป็นการรับใช้ชาติ แต่ถ้าชาติหมายถึงประชาชน การเป็นทหารเกณฑ์ก็ยังไม่ใช่การรับใช้ชาติ
อรรถพล ย้ำว่า ขบวนการเยาวชนนักศึกษา กำลังสู้กับการเสียภาษีเหมือนประเทศพัฒนาแล้ว แต่ไทยไม่มีรัฐสวัสดิการและคุณภาพชีวิตของคนไทยเหมือนอยู่ในประเทศโลกที่สามหรือประเทศด้อยพัฒนา และยืนยันว่า ไม่ได้ต่อสู้ในเรื่อง Generation หรือเรื่องคนต่างยุค แต่เป็นปัญหาเรื่องวิธีคิด ที่ฝ่ายประชาธิปไตยและคนรุ่นใหม่ ต้องพยายามเปลี่ยน 'มายเซ็ต' คนรอบข้างว่าการเมืองเป็นเรื่องใกล้ตัว เกี่ยวข้องตั้งแต่ค่าน้ำค่าไฟ ค่าปุ๋ย เพื่อให้ตระหนักถึงความสำคัญของการเคลื่อนไหวเพื่อเปลี่ยนแปลงสังคมให้ดีขึ้น
ขณะที่ วรา ระบุถึงสังคมไทยที่จะต้องตั้งคำถามกับความยุติธรรมที่เป็นอยู่ พร้อมสนุบสนุนและชื่นชมคนรุ่นใหม่ ที่กล้าออกมาต่อสู้เพื่อความเป็นธรรมและประชาธิปไตย และ "ขอให้ปลอดภัยไร้คดีความ" พร้อมแสดงเชิงสัญลักษณ์ ด้วยการนำเครื่องดื่มชูกำลังยี่ห้อ "กระทิงแดง" มาล้างเท้าตัวแทนคนรุ่นใหม่รายหนึ่ง เพื่อสื่อว่า "กระทิงแดงล้างได้ทุกคดี" และเป็นการคารวะต่อความกล้าหาญของเยาวชนคนรุ่นใหม่
วาสนา เวฬุวนารักษ์ นักศึกษาคณะรัฐศาสตร์ ปี 4 มหาวิทยาลัยรามคำแหง เป็นตัวแทนเครือข่ายอ่านแถลงการณ์ย้ำถึงจุดยืน 9 ข้อ โดยให้เวลารัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมดำเนินการตามข้อเรียกร้องภายใน 10 วัน หากไม่มีความคืบหน้าทางเครือข่ายฯ จะไปเยี่ยมพล.อ.ประยุทธ์ ที่ทำเนียบรัฐบาล พร้อมกันนี้เชิญชวนให้เยาวชนนิสิตนักศึกษาและประชาชน เข้าร่วมการชุมนุมใหญ่ของคณะประชาชนปลดแอก วันที่ 16 ส.ค. นี้ ที่ถนนราชดำเนิน