เช่นเดียวกับเข็มสำคัญติดหน้าอก ซึ่งในคณะรัฐมนตรีชุดนี้ มีเพียง “รัฐมนตรีช่วย” รายนี้เท่านั้นที่ได้รับ
เส้นทางสีเทาสมฉายา “เทามนัส” ดูจะยิ่งผ่องแผ้ว เหลืองอร่ามขึ้นทุกที
"ดูว่าคนเทา ๆ จะทำอะไรให้ชาวบ้านบ้าง ไม่ใช่ว่าใสสะอาดเงียบประวัติดี แต่ไม่ทำอะไรเลย อย่างนั้นไม่ใช่ธรรมนัส" เขาได้เคยตอบสื่อไว้ เมื่อได้รับฉายาใหม่ ๆ
จากที่ถูกจดจำเป็น “พ่อค้ายา-มาเฟีย” จนถึงวันนี้ “ธรรมนัส” เป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางที่ถนนหลายสาย อยากวิ่งเข้าไปให้ถึง เพราะรู้ว่าเป็น “จุดเชื่อมต่อ” สำคัญ ที่เนรมิตได้ ทั้งความก้าวหน้าในชีวิตราชการ-ความก้าวหน้าในชีวิตทางการเมือง-ความมั่งคั่งในทางธุรกิจ
บารมีของรัฐมนตรีช่วยรายนี้ ช่วยเปิดทาง-ปิดจบเรื่องได้มานักต่อนักแล้ว สำนวนของผู้วิ่งเข้าไปขอพบ มักใช้คำว่า “เคลียร์” เป็นอันว่า “บารมีของท่าน ช่วยเคลียร์เรื่องนั้น เรื่องนี้ได้อยู่เสมอ”
"บารมีมันเกิดจากคอนเนกชันที่เรามี เนื่องจากเราจบ ตท.รุ่น 25 ทำให้รู้จักรุ่นพี่รุ่นน้องที่เป็นตำรวจทหารหรือนักธุรกิจ...ความที่เรารู้จักคนเยอะทำให้เรามีคอนเนกชัน เวลามีปัญหาเราติดต่อแก้ปัญหาให้คนได้ ไม่ใช่มาเฟียที่รังแกชาวบ้าน เราช่วยคนมากกว่า” ธรรมนัส ให้สัมภาษณ์ไว้นานแล้ว
มีข้าราชการ-นักการเมือง-นักธุรกิจน้อยใหญ่ บอกเล่าความจริงในข้อนี้ได้เป็นฉาก ๆ เฉพาะข้าราชการต่างวิ่งหา “ตั๋วธรรมนัส” กันยกใหญ่
ว่ากันว่าเป็นตั๋วตีตราที่เมื่อประทับลงแล้ว เจ้ากระทรวงใด ๆ ก็ยากปฏิเสธ แหล่งข่าวแจงอีกว่า ต้องพรรษากล้าแกร่ง จึงจะส่ายหน้าปฏิเสธได้
เพราะ “ตั๋วธรรมนัส” ทาบทับ “ตั๋วประวิตร” อย่างแยกไม่ออก
นาทีนี้จึงอาจประทับตรา “ธรรมนัส” ได้ว่าเป็น “รัฐมนตรีตั๋วช้าง” ของจริง
ไม่ใช่เพียงเพราะมีสายสัมพันธ์พิเศษ แต่สถานะวันนี้ยังเป็นลูกรักเบอร์ต้นของ "บ้านป่ารอยต่อ" ดังปรากฏภาพ เดินเคียง-ตามติดหลัง ในหลายโอกาส คู่ไปกับ “รัฐมนตรีช่วยแรงงาน”
บารมีจาก “บ้านป่ารอยต่อ” ทำให้บ้าน “บ้านพรหมเผ่า” หอมหวล ดึงดูดนักเลือกตั้ง กลายเป็นบ้านหลังใหญ่อีกหลังที่ร้อยรัดคอนเนกชันไว้อยู่มือ มี ส.ส. ใน “สังกัด” ท่วมท้น ทั้งที่อยู่ในพรรคพลังประชารัฐ และที่ฝากเลี้ยงไว้ต่างพรรค ผลโหวตไว้วางใจ เหนือนายกรัฐมนตรี สะท้อนความสำเร็จในข้อนี้
“ดูแลดี” “ไปหาแต่ละครั้ง ไม่เคยกลับมาตัวเปล่า” คือประโยคปากต่อปากในทางการเมือง
แม้จะเป็นเพียง “รัฐมนตรีช่วย” แต่บทบาทข้ามชั้น-เทียบชั้น “รัฐมนตรีเจ้ากระทรวง”
เห็นได้จากที่นั่ง “หัวโต๊ะ” ดู-เคาะเรื่องใหญ่เพื่อเรียกคะแนนนิยมให้รัฐบาล
ทั้งปมปัญหาการทำประโยชน์ในเขตปฏิรูปที่ดิน (ส.ป.ก.4-01)
ทั้งเดินสายลงพื้นที่พบปะเกษตรกร เเละผู้นำชุมชน เพื่อรับฟังปัญหาในการทำเกษตร เช่น เเหล่งน้ำ ที่ดินทำกิน พร้อมทั้งหาช่องทางในการจัดจำหน่ายสินค้าทางการเกษตรให้แก่ชุมชน
ทั้งในฐานะ ประธานคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีการดำเนินการขยายผลโครงการเมืองต้นแบบ “สามเหลี่ยม มั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน” ไปสู่เมืองต้นแบบที่ 4 อำเภอจะนะ จ.สงขลา “เมืองต้นแบบอุตสาหกรรมก้าวหน้าแห่งอนาคต” ที่ลงนามแต่งตั้ง โดยนายกรัฐมนตรี ผ่านคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรีที่ 20/2564 ซึ่งต้องบันทึกเชิงอรรถไว้ด้วยว่า คำสั่งชุดนี้ ชงโดย พล.อ.ประวิตร ด้วยตัวเอง
ล่าสุด “ธรรมนัส” จ่อชงยุติโครงการจะนะไปพลางก่อน โดยอ้างเหตุทำผิดมติคณะรัฐมนตรี จังหวะกล้าขัดแข้งขัดขาผู้มีอิทธิพลในพื้นที่สงขลาเช่นนี้ ทั้งต้องได้รับสัญญาณ และได้รับแรงหนุนอย่างหนาแน่น
มาวันนี้ เมื่อตำแหน่งรัฐมนตรีว่างลง ถนนทุกสายต่างจับจ้องไปยัง “ธรรมนัส” ว่าถึงคราวขยับชั้นให้สูงขึ้น
สูงขึ้นในตำแหน่งใหม่ “รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ”
กระแสล้อเลียน-เสียดสี มาพร้อมกับสำนวน “โรงเรียนสีขาว หญ้าสีเขียว เยี่ยวสีม่วง” สอดรับกับประวัติอันโชกโชนของผู้มีโอกาสเป็นรัฐมนตรี
ล่าสุด สมาพันธ์สมาคมครูแห่งประเทศไทย (ส.ค.ท.) ยังออกแถลงการณ์ถึง “5 คุณสมบัติที่จำเป็นของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการคนใหม่” ระบุชัด “มีคุณธรรม จริยธรรม มีความซื่อสัตย์สุจริตโปร่งใส ตรวจสอบได้” หากมีบัญชาให้ “ธรรมนัส” นั่งในตำแหน่งนี้จริง แรงเสียดทานจากทั้ง คนรุ่นใหม่-ครูทั่วประเทศ คงสูงไม่น้อย
ไม่ว่าจะได้ขยับชั้นหรือไม่ แต่สถานะและอนาคตทางการเมืองยังเป็นบวก เพราะคนการเมืองเล่าต่อกันว่า เมื่อพลังประชารัฐอยู่ไม่ถึงเลือกตั้งครั้งหน้า ยี่ห้อธรรมนัสจะตั้งพรรคใหม่คุมเกมส์การเลือกตั้งในภาคเหนือ โดยมีจุดหมายชัดที่การสืบทอดอำนาจระบอบการเมือง 3 ป. ให้ยืนยาวต่อไปข้างหน้า.