ไม่พบผลการค้นหา
โฆษกรัฐบาลฯ เผย “นายกฯ” กำชับ ททท. ตรวจสอบโรงแรมที่เข้าร่วมโครงการเราเที่ยวด้วยกันเฟส 4 เตือนอย่าฉวยโอกาสขึ้นราคา ทุกโครงการมุ่งเพื่อบรรเทาภาระค่าใช้จ่ายของประชาชน หากพบกระทำผิดสั่งเดินหน้าตามกฎหมาย

ธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า จากที่รัฐบาลได้มีโครงการเราเที่ยวด้วยกัน เฟส 4 ตั้งแต่วันที่ 1 ก.พ. ที่ผ่านมา ทางเว็บไซต์ www.เราเที่ยวด้วยกัน.com มีกรณีร้องเรียนว่า โรงแรมที่เข้าร่วมโครงการคนละครึ่งเฟส 4 ปรับราคาขึ้นสูงกว่า 40% ทั้งนี้ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้ติดตามและสั่งการให้กระทรวงท่องเที่ยวและกีฬาและการท่องเที่ยวเที่ยวแห่งประเทศไทย ตรวจสอบข้อเท็จจริง

พบว่า โรงแรมที่เข้าร่วมโครงการ ไม่ได้มีการปรับราคาขึ้นอย่างที่เป็นกระแสในโซเชียล เนื่องจากโครงการเราเที่ยวด้วยกัน เฟส 4 ไม่ได้เปิดรับผู้ประกอบการรายใหม่เพื่อเข้าร่วมโครงการในเฟสนี้ ดังนั้น โรงแรมต่างๆ ยังต้องใช้จำนวนห้องพักและราคาห้องพักเดิมที่แจ้งไว้ตั้งแต่เฟส 3 จะไม่สามารถปรับราคาได้ อย่างไรก็ตามที่ประชาชนพบว่ามีราคาที่สูงขึ้น อาจเกิดเนื่องจากจำนวนห้องที่ทางโรงแรมสมัครเข้าระบบอาจจะเต็มในช่วงเวลานั้นๆ ทำให้ต้องปรับประเภทของห้องพักที่อาจราคาสูงขึ้นได้ 

ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีได้กำชับให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องติดตาม อย่าให้มีการฉวยโอกาสขึ้นราคา เพราะทุกโครงการที่รัฐบาลดำเนินการเพื่อช่วยบรรเทาภาระค่าใช้จ่ายให้กับประชาชน หากพบการกระทำที่เข้าข่ายผิดให้ดำเนินการตามกฎหมายทันที 

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวเพิ่มเติมว่า ครม. ได้อนุมัติโครงการเราเที่ยวด้วยกันเฟส 4 เมื่อวันที่ 24 มกราคม 2565 กรอบวงเงิน 9,000 ล้านบาท ระยะเวลาดำเนินโครงการตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ – พฤษภาคม 2565 โดยรัฐบาลสนับสนุนค่าโรงแรมที่พัก 40% สูงสุด 3,000 บาท/ห้อง/คืน คนละไม่เกิน 10 ห้อง คูปองส่วนลดค่าอาหารและค่าเข้าสถานที่ท่องเที่ยว 600 บาทต่อห้องต่อคืน ประชาชนจะชำระ 60% และรัฐบาลสนับสนุนอีก 40%

ผ่านการตัดเงินจากคูปอง และค่าโดยสารเครื่องบิน จำนวน 6 แสนสิทธิ เป็นโครงการที่เดินหน้ากระตุ้นการท่องเที่ยวในประเทศ ทั้งนี้ ข้อมูลจากเว็บไซต์ เราเที่ยวด้วยกัน.com หลังเปิดให้เริ่มใช้สิทธิของเฟส 4 เพียง 5 วัน มีผู้ใช้สิทธิจองห้องพักแล้วเกือบ 2 แสนสิทธิ จากที่รัฐบาลให้ทั้งหมด 2 ล้านสิทธิ ซึ่งนับว่ากระแสการตอบรับโครงการดีมาก โดยทางการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ก็ได้ประเมินว่าโครงการนี้จะช่วยให้การท่องเที่ยวในประเทศในครึ่งแรกของปีจะมีพัฒนาการที่ดีขึ้นโดยต่อเนื่อง 

“สถานการณ์โควิด-19 ภายในประเทศถือว่าทรงตัวและกำลังคลี่คลาย หน่วยงานต่างๆ ทั้งภาครัฐและเอกชนจะเริ่มมีการเข้ามาทำงานที่สถานที่ตั้ง ประชาชนส่วนใหญ่ออกมาใช้ชีวิตและวางแผนเดินทางท่องเที่ยวโครงการของรัฐแล้ว อย่างไรก็ตามขอให้ทุกคนยังคงป้องกันขั้นสูงสุด ด้วยการปฏิบัติตามมาตรการด้านสาธารณสุขแบบครอบจักรวาล Universal Prevention หมั่นตรวจ ATK และสังเกตเฝ้าระวังอาการอย่างสม่ำเสมอ และสถานประกอบการและร้านอาหารต่าง ๆ เข้มงวดในการปฏิบัติตาม COVID Free Setting เพื่อการใช้ชีวิตได้ปกติสุขที่สุดต่อไป” นายธนกร กล่าว