ต่างประเทศ
‘ไบเดน’ โวยไม่เอี่ยวกบฏรัสเซีย ชี้ ‘ปูติน’ อย่ามาโบ้ยสหรัฐฯ-นาโต้
เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา (26 มิ.ย.) ไบเดนกล่าวว่าเขาได้พูดคุยกับ "พันธมิตรสำคัญ" หลังจากเกิดเหตุการณ์กบฏโดยกลุ่มวากเนอร์ โดยพวกเขาเห็นพ้องกันว่าเป็นเรื่องสำคัญที่ วลาดิเมียร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซีย จะต้อง “ไม่มีข้อแก้ตัวที่จะกล่าวโทษเรื่องนี้มายังชาติตะวันตก”
“เราชี้แจงชัดเจนว่าเราไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง ไม่มีส่วนเอี่ยวกับเรื่องนี้ นี่เป็นส่วนหนึ่งของการต่อสู้ภายในระบบของรัสเซีย” ไบเดนกล่าว “เราจะประเมินผลกระทบของเหตุการณ์ช่วงสุดสัปดาห์นี้ต่อไป และผลกระทบต่อรัสเซียและยูเครน” ประธานาธิบดีสหรัฐฯ กล่าวเสริมกับผู้สื่อข่าว “แต่มันยังเร็วเกินไปที่จะได้ข้อสรุปที่แน่ชัดว่าสิ่งนี้กำลังจะไปลงเอยอย่างไร”
ความคิดเห็นของไบเดนมีขึ้นหลังจากเกิดเหตุความไม่สงบในรัสเซียช่วงสุดสัปดาห์ โดยเมื่อวันศุกร์ (23 มิ.ย.) ปริโกชิน ซึ่งเป็นอดีตพันธมิตรของปูติน กล่าวหา เซอร์เก ชอยกู รัฐมนตรีว่าการกลาโหมรัสเซียว่ายิงจรวดโจมตีกองกำลังทหารรับจ้างของเขาในยูเครน โดยหัวหน้ากลุ่มวากเนอร์เรียกร้องให้เกิดการยุติความ “ชั่วร้าย” ของผู้นำทางทหารของรัสเซีย
สถานการณ์การก่อกบฏในครั้งนี้ นับเป็นความไม่สงบครั้งใหญ่ที่เกิดขึ้นในรัสเซียเอง ท่ามกลางการปะทะกันทางวาจาหลังจากการก่อกบฏสงบลงของปริโกชินกับประธานาธิบดีรัสเซีย โดยปริโกชินอ้างว่า ปฏิบัติการในยูเครนไม่ได้รับการสนับสนุนจากกระทรวงกลาโหมและกองทัพรัสเซียได้มากพอ ทั้งนี้ ทางการรัสเซียยังคงเดินหน้าการสืบสวนสอบสวนคดีทางอาญา ฐานการก่อกบฏต่อปริโกชิน แม้จะมีรายงานว่าปริโกชินได้ลี้ภัยไปยังเบลารุส และจะไม่มีการดำเนินคดีกับเขาก็ตาม
ปริโกชินได้สั่งให้กองกำลังวากเนอร์ของเขาข้ามจากยูเครนไปยังรัสเซีย เพื่อเผชิญหน้ากับผู้นำทางทหารของรัสเซีย โดยปริโกชินอ้างว่าความพยายามดังกล่าวของเขาเป็น "การเดินทัพเพื่อความยุติธรรม" โดยไม่กี่ชั่วโมงถัดมา กองกำลังวากเนอร์สามารถยึดเมืองทางตอนใต้ของรอสตอฟออนดอน และเริ่มรุกคืบเข้าสู่กรุงมอสโก ทั้งนี้ ปริโกชินเรียกร้องให้ทางการรัสเซียปลดชอยกู ในขณะเดียวกัน ปูตินได้กล่าวหาปริโกชินว่าเป็นพวก “ทรยศ” และ “แทงข้างหลัง”
หลังจากนั้นไม่นาน เหตุความสงบกลับยุติลงอย่างรวดเร็ว โดย อเล็กซานเดอร์ ลูคาเชนโก ประธานาธิบดีเบลารุส ประกาศว่า เขาได้มีการตกลงกับปริโกชินแล้ว และกองกำลังวากเนอร์จะยุติการรุกกรุงมอสโกลง อย่างไรก็ดี รายละเอียดเพิ่มเติมของข้อตกลงยังไม่เป็นที่เปิดเผย โดยปริโกชินยืนยันว่า วากเนอร์ "ไม่มีเป้าหมายที่จะล้มล้างระบอบการปกครองที่มีอยู่ และรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งอย่างถูกต้องตามกฎหมาย" พร้อมกล่าวเสริมว่ากองกำลังของเขาได้หันหลังกลับเพื่อ “ไม่ให้เกิดการนองเลือดของทหารรัสเซีย”
แมทธิว มิลเลอร์ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวเมื่อวันจันทร์ว่า “สถานการณ์ยังคงเป็นสถานการณ์ที่ไม่หยุดนิ่ง” และไม่มีความชัดเจนว่า “นัยสุดท้าย” จะเป็นอย่างไรสำหรับผลประโยชน์ของสหรัฐฯ ในความขัดแย้งที่เกิดขึ้นในรัสเซีย ถึงกระนั้นมิลเลอร์กล่าวเสริมว่า “มันเป็นเรื่องใหม่อย่างแน่นอนที่ได้เห็นความเป็นผู้นำของประธานาธิบดีปูตินถูกท้าทายโดยตรง”
คำแถลงดังกล่าวของมิลเลอร์ สะท้อนคำพูดของ แอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ซึ่งเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา (25 มิ.ย.) บลิงเคนได้กล่าวว่า ความกระด้างกระเดื่องได้เปิดโปง “รอยร้าวที่แท้จริง” ในรัฐบาลของปูติน เมื่อเหตุการณ์ต่างๆ เกิดขึ้นในวันเสาร์ (24 มิ.ย.) ทั้งนี้ ตามรายงานของทำเนียบขาว ไบเดนได้หารือเกี่ยวกับสถานการณ์ดังกล่าวกับ เอ็มมานูเอล มาครง ประธานาธิบดีฝรั่งเศส โอลาฟ โชลซ์ นายกรัฐมนตรีเยอรมนี และ ริชี ซูนัค นายกรัฐมนตรีสหราชอาณาจักร
ทำเนียบขาวยังระบุอีกว่า ไบเดนยังได้พูดคุยกับ จัสติน ทรูโด นายกรัฐมนตรีแคนาดา “ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการประสานงานอย่างใกล้ชิดกับพันธมิตรและหุ้นส่วน หลังจากเหตุการณ์ล่าสุดในรัสเซีย”
“อย่างที่คุณทราบ ท่านประธานาธิบดีติดตามพัฒนาการนโยบายต่างประเทศทั่วโลกอย่างกระตือรือร้น ทีมความมั่นคงแห่งชาติของเขากำลังแจ้งข้อมูลอัปเดตทุกชั่วโมงตลอดสุดสัปดาห์” จอห์น เคอร์บี โฆษกสภาความมั่นคงแห่งชาติของทำเนียบขาวกล่าวเมื่อวันจันทร์ “เขากำลังรับข้อมูลทั้งหมดนั้นและตรวจสอบให้แน่ใจในบริบทของการรับข้อมูลนั้น เขายังแบ่งปันมุมมองกับพันธมิตรและหุ้นส่วนด้วย”
ไบเดนยังกล่าวกับผู้สื่อข่าวเมื่อวันจันทร์ว่า เขา “พูดคุยกันอย่างยาวนาน” กับ โวโลดีเมอร์ เซเลนสกี ประธานาธิบดียูเครน โดยสหรัฐฯ ได้ให้คำมั่นว่าจะให้การสนับสนุนยูเครนอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่ยูเครนต่อสู้กับการรุกรานของรัสเซีย “เขาและผมตกลงที่จะติดตามผลและติดต่อกันตลอดเวลา” ไบเดนกล่าว
ที่มา:
