มลรัฐที่อยู่ในพื้นที่ทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือของสหรัฐฯ อย่างนิวยอร์ก เพนซิลเวเนีย และนิวอิงแลนด์ ต่างเผชิญกับสถานการณ์ พายุหิมะถล่มครั้งใหญ่ ด้วยปริมาณหิมะมหาศาลที่ตกลงมาอย่างหนักในวันที่ 17 ธ.ค. ส่งผลให้การเดินทางสัญจรเป็นไปด้วยความยากลำบาก ซึ่ง กระทบการใช้ชีวิตของผู้คนมากกว่า 50 ล้านคน 

ประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ใกล้เคียงนครนิวยอร์กอย่างฟิลลาเดลเฟียและบอสตันต้องเผชิญกับพายุหิมะที่ตกลงมาอย่างหนักด้วยความหนาสะสมบนพื้นดินระหว่าง 6-12 นิ้ว ซึ่งยังคงเพิ่มปริมาณสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ เซนทรัลพาร์ค สวนสาธารณะขนาดใหญ่ใจกลางนครนิวยอร์ก มีหิมะตกสะสมสูงราว 10.5 นิ้วเลยทีเดียว โดยสองพื้นที่ที่มีการประกาศภาวะฉุกเฉินล่วงหน้าคือเมืองบอสตันของมลรัฐแมสซาชูเซตส์ และมลรัฐนิวเจอร์ซีย์

แอนดรูว์ โคโม ผู้ว่าการมลรัฐนิวยอร์กชี้ว่า สถานการณ์นี้มีความรุนแรงมาก พร้อมแนะนำให้ประชาชนอยู่บ้านหากเป็นไปได้ หลังจากที่มีการรายงานว่ามีผู้เสียชีวิตจากสาเหตุที่เกี่ยวข้องกับพายุหิมะแล้วอย่างน้อย 2 ราย และมีอุบัติเหตุทางรถยนต์เกิดขึ้นแล้วกว่า 600 ครั้ง เป็นเหตุให้มีการประกาศภาวะฉุกเฉินแล้วใน 18 พื้นที่ของมลรัฐนิวยอร์ก 

ข้อมูลจาก PowerOutage.US ยังชี้ด้วยว่า สถานการณ์พายุหิมะถล่มส่งผลให้บ้านเรือนอย่างน้อย 50,000 หลังในนิวยอร์ก เพนซิลเวเนีย และเวอร์จิเนียต้องเผชิญกับการไม่มีไฟฟ้าใช้ และมีการรายงานการเสียชียวิตของประชาชนอย่างน้อย 3 ราย ซึ่งสาเหตุส่วนใหญ่มาจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ที่เกิดขึ้นเพราะความลื่นของถนนและวิสัยทัศน์ที่ยากต่อการมองเห็น เจ้าหน้าที่ตำรวจของนครนิวยอร์ก หรือ NYPD ย้ำกับประชาชนให้หลีกเลี่ยงการเดินทางในช่วงนี้ให้มากที่สุด