นายวัฒนา เมืองสุข แกนนำพรรคเพื่อไทย โพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊ก ระบุถึงการลงพื้นที่พบปะประชาชนในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ในพื้นที่เขตบางแค กรุงเทพมหานคร พบว่าประชาชนได้สะท้อนออกมาว่าประสบปัญหาเศรษฐกิจฝืดเคือง เพราะคนส่วนใหญ่ไม่มีเงิน ทุกคนรอการเลือกตั้งเพราะเชื่อว่าจะทำให้ทุกอย่างดีขึ้น
นายวัฒนา ชี้ว่าปัญหาที่เกิดขึ้นกับประเทศเนื่องจากรัฐบาล คสช. ขาดความรู้และความเข้าใจในการบริหารจึงปล่อยให้สินค้าเกษตร ซึ่งผลิตโดยคนส่วนใหญ่ที่ยากคนจนราคาตกทุกตัว พอเกษตรกรมาเรียกร้องให้แก้ปัญหาท่านผู้นำก็ให้ไปขายที่ดาวอังคาร หรือให้ไปปลูกหมามุ่ยแทนแล้วแต่ปากจะพาไป ทำให้เกษตรกรที่เป็นคนส่วนใหญ่ขาดกำลังซื้อส่งผลให้เศรษฐกิจในภาพรวมได้รับความเสียหาย พอจนตรอกเพราะใกล้เลือกตั้งรัฐบาลก็มอมเมาประชาชนด้วยการแจกเงินเพื่อซื้อเสียงซึ่งไม่ยั่งยืน
พร้อมกันนี้ วัฒนาได้ยกตัวเลขทางเศรษฐกิจของพรรคเพื่อไทย ซึ่งมีต้นกำเนิดมาจากพรรคไทยรักไทย มีเนื้อหาประกอบไปด้วย
ตารางที่ 1 แสดงการจัดเก็บภาษีของประเทศในสมัยพรรคไทยรักไทย (2544-2548) และรัฐบาลเพื่อไทย (2554-2556) ที่จัดเก็บภาษีได้เกินประมาณการอันแสดงว่าประชาชนมีรายได้เพิ่มขึ้นจึงมีปัญญาเสียภาษีได้มากขึ้น สวนทางกับรัฐบาล คสช. (2557-ปัจจุบัน) ที่ประชาชนอดอยากไม่มีเงินจึงจัดเก็บภาษีได้ต่ำกว่าประมาณการมาโดยตลอด
ตารางที่ 2 แสดงการกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ รัฐบาลไทยรักไทยเริ่มจากการเป็นหนี้ไอเอ็มเอฟจนใช้หนี้ได้ก่อนกำหนดและสามารถจัดทำงบประมาณสมดุลได้เป็นครั้งแรก ส่วนรัฐบาลเพื่อไทยเริ่มจากการกู้เงิน 400,000 ล้านในปีแรก จากนั้นลดลงเหลือ 300,000 ล้านและ 250,000 ล้านตามลำดับ
ดังนั้น หากไม่มีการรัฐประหารงบประมาณจะเข้าสู่ความสมดุลในที่สุด สวนทางกับรัฐบาล คสช. ที่กู้เงินในปีแรก 250,000 ล้าน ปีที่สอง 390,000 ล้าน ปีที่สาม 550,000 ล้าน และปีที่สี่ 600,000 ล้าน การกู้เงินที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ แต่ประชาชนอดอยากเพิ่มขึ้นแสดงถึงการบริหารที่ไร้ประสิทธิภาพ หากปล่อยให้มีการสืบทอดอำนาจต่อไปปลายทางคือหายนะอย่างแน่นอน
"ถึงเวลาที่ต้องการมืออาชีพมาบริหารประเทศ เพราะประเทศไม่ใช่สถานที่ฝึกงานของทหารเกษียณที่ไม่ยอมกลับบ้าน หากต้องการคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นพรรคเพื่อไทยคือคำตอบ" วัฒนา ระบุ