เวลา 17.00 น. วันที่ 19 ก.พ. 2566 ที่ตลาดอู้ฟู่ อ.เมือง จ.ขอนแก่น พรรคเพื่อไทย เปิดเวทีปราศรัยใหญ่ ‘ขอนแก่น คิดใหญ่ ทำเป็น เพื่อไทยทุกคน’ โดยมีประชาชนเข้าร่วมรับการฟังปราศรัยแน่นขนัดเต็มที่กว่า 10,000 คน โดยมีแกนนำพรรคเพื่อไทย อาทิ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ประเสริฐ จันทรรวงทอง ส.ส.นครราชสีมา เลขาธิการพรรคเพื่อไทย แพทองธาร ชินวัตร ประธานคณะที่ปรึกษาด้านการมีส่วนร่วมและนวัตกรรมพรรคเพื่อไทย ในฐานะหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผู้อำนวยการครอบครัวเพื่อไทย

พร้อมทั้งเปิดตัว ส.ส.ขอนแก่นและว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ขอนแก่น ของพรรคที่ลงสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส. ประกอบด้วย รัมภามาศ ทีฆธนานนท์ , จตุพร เจริญเชื้อ ,มุกดา พงษ์สมบัติ ,ภาควัต ศรีสุรพล , สิงหภณ ดีนาง , สุรพจน์ เตาะเจริญสุข ,สรัสนันท์ อรรณนพพร ,วันนิวัติ สมบูรณ์ , พชรกร อรรณนพพร และ วิภาณี ภูคำวงศ์ 

ด้าน นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน และหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ในนามหัวหน้าพรรค ขอประกาศความพร้อมในการเลือกตั้งครั้งถัดไป ทั้งส.ส. และว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. ที่มีความรู้ความสามารถ รวมถึงว่าที่นายกรัฐมนตรีจากพรรคเพื่อไทย อย่าง แพทองธาร ชินวัตร ที่พร้อมจะร่วมมือกันทำตามนโยบายให้ประชาชนมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น พร้อมเสนอนนโยบายดีๆ ที่ ‘คิดใหญ่ ทำเป็น’ เพื่อพัฒนาขอนแก่นที่มีความพร้อมเป็นเมืองอัจฉริยะ เพื่อไทยจะขอความร่วมมือชาวขอนแก่นพัฒนาให้ขอนแก่นเป็นเขตเศรษฐกิจใหม่ ศูนย์กลางการค้าของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ปลดล็อคข้อกฎหมายให้ผู้ประกอบการรายเล็ก รายกลาง ได้มีโอกาสสร้างพื้นที่เศรษฐกิจ ความพร้อมในระดับท้องถิ่น 

“หากคนขอนแก่นอยากมีผู้ว่าราชการจังหวัด จากการเลือกตั้งเพื่อไทยก็พร้อมดำเนินการ โดยจัดทำประชามติในจังหวัดที่พร้อมและต้องการผู้ว่าฯ ที่มาจากการเลือกตั้ง พร้อมทิ้งท้ายฝากพี่น้องประชาชนเลือกพรรคเพื่อไทย เลือกนโยบายที่กินได้ เราจะได้มีอนาคตที่สดใสกลับคืนมา” นพ.ชลน่านกล่าว

จากนั้น แพทองธาร ปราศรัยว่า พรรคเพื่อไทยมีกำลังใจแก้ปัญหาให้พี่น้องแน่นอนมากันมากขนาดนี้ ในปี 2564 ตนมาเปิดตัวเป็นประธานคณะที่ปรึกษาฯ ที่ จ.ขอนแก่น ทั้งนีั เรามีหนี้สินมากมาย ตนจะมาเล่านโยบาย ถ้าพรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาลรับใช้พี่น้องเมื่อไร จะหายจนแน่นอน ตอนนี้เกษตรกร ชาวนาเสียเปรียบเพราะเศรษฐกิจเป็นแบบนี้ โดยพรรคเพื่อไทยจะใช้เทคโนโลยีมาช่วย โดยลงทุนจากชาวต่างชาติมาช่วยลงทุนจะได้ไม่เป็นหนี้ ธ.ก.ส.

แพทองธาร กล่าวว่า การใช้เทคโนโลยีจะทำให้รู้ฟ้ารูัฝนรู้สภาพดิน รู้เวลาเก็บเกี่ยว ผลผลิตเพิ่มขึ้น และจะทำให้ค่าแรงเพิ่มขึ้น600 บาท รวมทั้งเงินเดือน ปริญญาตรี 25,000 บาทต่อเดือน 

“วันนี้สโลแกนคิดใหญ่ ทำเป็นเพื่อไทยทุกคน เราคิดใหญ่ตั้งแต่สมัยพรรคไทยรักไทยแล้ว ตอนคิด 30 บาทรักษาทุกโรคก็ถูกวิจารณ์ว่าตายทุกโรค ตอนกองทุนหมู่บ้านละ1 ล้านบาท ทำให้ประชาชนได้ประโยชน์จากกองทุนหมู่บ้าน โครงการ 2 ล้านล้านบาทจะสร้างรถไฟความเร็วสูง ก็ถูกบอกว่าไปสร้างถนนลูกรังก่อน” แพทองธาร ระบุ

แพทองธาร ระบุว่า การรัฐประหารทำให้เสียดายโอกาส ต่อไปนี้ชาวไร่ชาวนาถ้าลูกหลานร้องเพลงเต้นเก่งจะช่วยเรื่องสายอาชีพให้มีรายได้ ซึ่งจะทำให้มีรายได้กว่า 200,000 บาทต่อปี ปัจจุบันยาเสพติดมากมาย อนาคตลูกหลานไม่มีการวางแผน เราคือคำตอบของอนาคตพี่น้องและลูกหลาน ขอให้พี่น้องเลือกพรรคเพื่อไทยทั้งคนทั้งพรรค ขอ จ.ขอนแก่น แลนด์สไลด์ทั้งคนทั้งพรรค เป็นผู้แทนรับใช้พี่น้องประชาชน

สุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ปราศรัยว่า ตอนนี้มี 3 ด่านที่ต้องฝ่าฟันเพื่อให้พรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาล เพื่อให้ แพทองธาร ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี ด่านแรกคือ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่ขออยู่ต่ออีกสมัย ด่านที่ 2 คือ 4 พรรคร่วมรัฐบาล ภูมิใจไทย ประชาธิปัตย์ ชาติไทยพัฒนา พลังประชารัฐ ที่เป็นตัวการให้พลเอกประยุทธ์อยู่ต่อ และด่านที่ 3 คือ ส.ว.250 คน ที่ออกมาบอกว่าถ้าพรรคเพื่อไทยได้ที่ 1 ก็จะไม่เลือก แพทองธารเป็นนายกรัฐมนตรีช

“แม้ 250 ส.ว.จะไม่โหวตให้พรรคเพื่อไทยก็ไม่เป็นไร เพราะเราจะไม่เป็นรัฐบาลด้วยมือ ส.ว. แต่เราจะเป็นรัฐบาลด้วยมือพี่น้องประชาชน ขอเพียงประชาชนเลือกเพื่อไทยให้เกิน 250 คนขึ้นไป เกินกว่ากึ่งหนึ่งของสภาผู้แทนราษฎรเท่านั้น ใครไม่เลือกก็ช่างเขา เพราะประชาชนเลือกพรรคเพื่อไทย ในบัตรเลือกตั้งทั้ง 2 ใบ ทั้งคนทั้งพรรค” นายสุทินกล่าว 

สุทิน กล่าวอีกว่า ขณะนี้โพลทุกสำนัก พรรคเพื่อไทยมาเป็นอันดับ 1 ตอนนี้ ขอนแก่น มหาสารคาม กาฬสินธุ์ ทุกเขต เชื่อว่าได้รวมแล้วกว่า 280 คน หากได้แบบนี้จริง หาก พล.อ.ประยุทธ์อยากเป็นนายกรัฐมนตรีต่อ บอกเลยว่านรกรออยู่ เพราะ ส.ว.ได้แค่ยกมือให้เป็นนายกรัฐมนตรี แต่ไม่ได้ตามมายกมือในสภาผู้แทนราษฎรแน่นอน ถ้าพลเอกประยุทธ์เสนอกฎหมาย เพื่อไทยจะไม่ยกมือโหวตให้ในสภาแน่นอน 

จาตุรนต์ ฉายแสง กรรมการยุทธศาสตร์และทิศทางการเมือง พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า หากพรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาล จะเสนอให้ขอนแก่นเป็น ‘เขตเศรษฐกิจพิเศษ’ เป็นจังหวัดนำร่อง เป็นศูนย์กลางด้านการค้า การเกษตร คมนาคม ท่องเที่ยว และสาธารณสุข จะเป็นจังหวัดศูนย์กลางของภูมิภาคและขยายความเจริญออกไปยังจังหวัดรอบข้าง สร้างรายใหม่ให้พี่น้องประชาชนในจังหวัดและใกล้เคียง รวมทั้งภาคอีสาน รวมทั้งยังมีโครงการ ‘โคเนื้อล้านตัว’ ส่งเสริมอุตสาหกรรมโคเนื้อ โคนม ส่งออกรายใหญ่ มีสินเชื่อที่จะช่วยเหลือให้พี่น้องประชาชนกู้ยืมได้ในอัตราดอกเบี้ยต่ำ เพื่อลงทุนสร้างรายได้ให้ประชาชน 

“ถ้าไม่ถูกรัฐประหารเสียก่อน ขอนแก่นมีศักยภาพยกระดับขึ้นมาเป็นศูนย์กลางทางการแพทย์หรือเมดิคัลฮับ นักท่องเที่ยว นักธุรกิจ จากลาว จีน และเวียดนามที่เข้ามาทำงานลงทุนการค้า คนไทยจะได้รับการรักษาอย่างรวดเร็ว ด้านคมนาคมขนส่ง รถไฟฟ้าความเร็วสูงกรุงเทพ-หนองคาย จะสร้างเสร็จ ด้านการเกษตร แผนบริหารจัดการน้ำ 3.5 แสนล้านบาท ที่บริหารจัดการน้ำในลุ่มน้ำโขงชีมูล และลุ่มน้ำเจ้าพระยา จะทำให้พื้นที่ภาคอีสานไม่ท่วม ไม่แล้งซ้ำซาก” จาตุรนต์ กล่าว 

ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผู้อำนวยการครอบครัวเพื่อไทย กล่าว่า พรรคเพื่อไทยไม่มีพันธมิตร ไม่มีพรรคพี่พรรคน้อง ไม่ต้องบอกว่าเลือกพรรคเพื่อไทยได้ พล.อ.ประยุทธ์หรือ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ เพราะถ้าเลือกพรรคอื่นได้ พล.อ.ประวิตร-พล.อ.ประยุทธ์แน่ แต่เลือกเพื่อไทยจะได้คนเพื่อไทยเป็นนายกรัฐมนตรี แน่นอน ส่วน ส.ว.ที่ประกาศจะไม่หนุน แพทองธาร  เป็นนายกรัฐมนตรีนั้น เป็นการไม่สำนึกในฉันทามติของมหาชน จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมพรรคเพื่อไทยต้องแลนด์สไลด์เท่านั้น  

“ถ้าพรรคเพื่อไทยได้ ส.ส.ไม่ถึง 250 คน พล.อ.ประยุทธ์ หรือ พล.อ.ประวิตร เอาตำแหน่งนายกรัฐมนตรีไปแน่นอน แต่ถ้าถึง 250 คน ประชาชนจะได้ประชาธิปไตยกินได้ ได้นโยบายจากพรรคเพื่อไทย ได้กองทุนหมู่บ้าน ได้โอทอป และได้โครงการ 30 บาทรักษาทุกโรคกลับมา”

ณัฐวุฒิ กล่าวอีกว่า การจะดูว่าพรรคการเมืองใด มีศักยภาพความพร้อมที่จะบริหารประเทศหรือไม่ ให้ดูตอนประเทศชาติมีวิกฤติ ตอนสมัยรัฐบาลพรรคไทยรักไทย ดร.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ใช้หนี้ไอเอ็มเอฟก่อนกำหนดเวลา แต่รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ก่อหนี้นับ 10 ล้านล้านบาท ตอนเกิดเหตุการณ์มหาวาตภัยสึนามิ ดร.ทักษิณ ลงพื้นที่บริหารสถานการณ์จนต่างชาติยกย่อง

แต่พอเกิดสถานการณ์น้ำท่วม พลเอกประยุทธ์บอกว่าเพราะฝนตก สมัย ดร.ทักษิณ เกิดเหตุการณ์ไข้หวัดนกผู้คนเจ็บป่วยก็แก้ไขปัญหากินไก่โชว์ สร้างความเชื่อมั่นให้คนไทยกล้าออกมาใช้ชีวิต ในสถานการณ์โควิด รัฐบาลพลเอกประยุทธ์บริหารวัคซีนโควิดจนมีแต่คนสงสัยว่ามีการทุจริตหรือไม่ ดร.ทักษิณ ปราบยาเสพติดได้เด็ดขาด แต่พลเอกประยุทธ์ปล่อยยาเสพติดเต็มเมืองจนถึงขั้นเด็กพกบ้องกัญชาไปโรงเรียน