ไม่พบผลการค้นหา
ตำรวจ แนะเส้นทางเลี่ยงม็อบนักเรียนเลว หลังแจ้งการชุมนุมแล้ว เตือนอย่าเคลื่อนขบวน ระวังข้อความหมิ่นทั้งในที่ชุมนุมและโซเชียลฯพร้อมเผยไม่หนักใจนำ ม.112 กลับมาใช้ ส่วนมือยิงที่เกียกกาย กำลังสอบสวนสืบสวน

ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) โดย พล.ต.ต. ปิยะ ต๊ะวิชัย พร้อมด้วย พล.ต.ต. จิรสันต์ แก้วแสงเอก รอง ผบช.น.และ พ.ต.อ. กฤษณะ พัฒนะเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ร่วมกันแถลงข่าว การดูแลผู้ชุมนุมนักเรียนเลวจัดกิจกรรมที่แยกราชประสงค์ และเรื่องการจราจร

พล.ต.ต.ปิยะ กล่าวว่า กลุ่มนักเรียนเลวส่งตัวแทนเข้าแจ้งการชุมนุมต่อ สน.ลุมพินีแล้ว จะชุมนุมทางฝั่งห้างสรรพสินค้าเกษรหรือบิ๊กซี เพื่อเรียกร้องการแก้ไขปัญหาทางสังคม โดยเฉพาะความเหลื่อมล้ำของเด็กและสตรี โดยขอให้ยึดตามการแจ้ง ไม่เคลื่อนขบวน, ห้ามใช้ข้อความดูหมิ่น, ให้ใช้เครื่องขยายเสียงตามที่กฎหมายกำหนด ไม่เกิน 115 เดซิเบล เฉลี่ยตลอดการชุมนุมต้องไม่เกิน 70 เดซิเบล และต้องชุมนุมโดยสงบปราศจากอาวุธ ไม่ขัดต่อศีลธรรมอันดีและละเมิดสิทธิผู้อื่นในการใช้ทางสาธารณะ

พล.ต.ต.จิรสันต์ แนะนำเส้นโดยผู้ใช้รถใช้ถนนควรเลี่ยง 3 เส้นทางหลัก แต่ถนนโดยรอบสามารถใช้สัญจรได้ปกติ โดยเส้นทางที่อาจได้รับผลกระทบจากการชุมนุม 

  1.)​ ถนนราชดำริ จากแยกราชดำริ -​ แยกประตูน้ำ 

  2.)​ถนนพระราม 1 จากแยกเฉลิมเผ่า -​แยกราชประสงค์ 

  3.)​ ถนนเพลินจิต จากแยกราชประสงค์ -​แยกชิดลม

ส่วนถนนที่แนะนำประชาชน 12 เส้นทาง คือ ถนนราชปรารภ, ถนนเพชรบุรี, ถนนพญาไท, ถนนพระราม 4, ถนนอังรีดูนังต์, ถนนสารสิน, ถนนสีลม, ถนนสาทร, ถนนวิทยุ, ถนนสุขุมวิท, ซอยต้นสนและ ถนนหลังสวน

ส่วน พ.ต.อ. กฤษณะ ฝากเตือนให้ผู้ชุมนุมปฏิบัติตามเงื่อนไขโดยเคร่งครัด โดยเฉพาะห้ามเคลื่อนขบวนไปจุดต่างๆที่ไม่ได้กำหนดไว้ รวมถึงการใช้ข้อความที่ปรากฏตามป้ายต่างๆ ตลอดจนการใช้โซเชียลมีเดีย ในการสร้างข้อมูลที่อาจทำเกิดความเข้าใจผิด หรืออาจทำให้สังคมเกิดความแตกแยก 

ช่วงตอบคำถามสื่อมวลชนเกี่ยวกับการดำเนินคดีผู้ชุมนุมและที่เกี่ยวข้อง

พล.ต.ต. ปิยะ ยืนยันว่า ตำรวจทำตามกฎหมายแต่ก็ใช้การเจรจาด้วยเป็นการใช้หลักนิติศาสตร์ควบคู่กับหลักรัฐศาสตร์ โดยไม่จำเป็นต้องเข้าไปจับกุมขณะเกิดเหตุ หรือให้กระทำผิดก่อนค่อยออกหมายเรียกหมายจับและดำเนินคดีในภายหลัง แล้วตำรวจไม่มีความหนักใจที่จะบังคับใช้กฎหมายอาญามาตรา 112 กับผู้ที่ กระทำผิด ขณะที่เน้นให้ตำรวจต้องยึดกฎหมายและอดทนต่อความเจ็บใจ แม้โดนสาดสีใส่หน้าก็ตาม 

ส่วนการสาดสีและทำลายทรัพย์สินราชการ ระหว่างการชุมนุมของคณะราษฎร 2563 เมื่อวันที่ 17-18 พ.ย.ที่ผ่านมา รวมถึง กรณี "ชายสวมเสื้อกันฝนสีชมพู" ที่ก่อเหตุยิงบริเวณแยกเกียกกายนั้น ทางตำรวจยึดข้อเท็จจริงที่ปรากฏตามภาพและคลิปต่างๆว่า อยู่กับหน่วยการ์ดของคณะราษฎร 2563 ซึ่งไม่ใช่การใส่ความหรือชี้นำ อย่างไรก็ตาม ทั้งหมดอยู่ระหว่างการสืบสวนสอบสวนเพื่อหาตัวผู้กระทำผิดและดำเนินคดีตามกฎหมาย