วันนี้ (13 มิถุนายน 2568) นางสาวศศิกานต์ วัฒนะจันทร์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ตามนโยบายของรัฐบาลและข้อสั่งการของนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เน้นย้ำการป้องกันและปราบปรามการนำเข้าของเสียอันตราย เพื่อความปลอดภัยต่อสิ่งแวดล้อมและประชาชน โดยได้สั่งการให้กรมศุลกากรเฝ้าระวังการลักลอบนำเข้าสินค้าที่เข้าข่ายของเสียอันตรายภายใต้อนุสัญญาบาเซล ส่งผลให้เกิดความร่วมมือระหว่างกรมศุลกากร โดยกรมโรงงานอุตสาหกรรม กรมสอบสวนคดีพิเศษ และการท่าเรือแห่งประเทศไทย ได้ควบคุมการนำเข้าสินค้าของเสียอันตรายภายใต้อนุสัญญาบาเซล โดยได้มีการตรวจสอบตู้สินค้าตกค้างระบุในใบตราส่งสินค้าเป็น ZINC CONCENTRATE จำนวน 36 ตู้คอนเทนเนอร์ น้ำหนัก 736,425 กิโลกรัม ประเทศต้นทางโมร็อกโก ซึ่งจากตรวจสอบโดยเครื่อง X-ray fluorescence หรือ XRF พบปริมาณธาตุโลหะหลักเป็นสังกะสี 32.2% เหล็ก 13.5% และมีการปนเปื้อนของโลหะหนัก เช่น ตะกั่ว 1.24% แคดเมียม 890 ppm และพลวง 540 ppm ซึ่งเข้าข่ายเป็นของเสียอันตรายตามอนุสัญญาระหว่างประเทศที่ควบคุมการเคลื่อนย้ายของเสียอันตรายข้ามแดน
ทั้งนี้ กรมศุลกากรได้ดำเนินการผลักดันสินค้าดังกล่าวออกนอกประเทศ โดยบูรณาการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการป้องกันไม่ให้สินค้าอันตรายเข้ามาในประเทศ ตามอนุสัญญาระหว่างประเทศที่ควบคุมการเคลื่อนย้ายของเสียอันตรายข้ามแดน เพื่อป้องกันการถ่ายโอนของเสียอันตรายจากประเทศพัฒนาแล้วไปยังประเทศกำลังพัฒนา
ทั้งนี้ สถิติการจับกุมการนำเข้าขยะอิเล็กทรอนิกส์ เศษพลาสติก สังกะสีออกไซด์ ในปีงบประมาณ 2568 (1 ตุลาคม 2567 - 9 มิถุนายน 2568) แบ่งเป็น ขยะอิเล็กทรอนิกส์ จับกุมได้ 37 ราย จำนวน 505,073 กิโลกรัม เศษพลาสติก จับกุมได้ 13 ราย จำนวน 445,122 กิโลกรัม สังกะสีออกไซด์ จับกุมได้ 2 ราย จำนวน 499,649 กิโลกรัม รวมปริมาณเกือบ 1.5 ล้านกิโลกรัม
“รัฐบาลมุ่งมั่นในการปกป้องชีวิต สุขภาพ และสิ่งแวดล้อมของพี่น้องประชาชนอย่างถึงที่สุด การลักลอบนำเข้าของเสียอันตรายไม่เพียงแต่กระทบต่อสิ่งแวดล้อม แต่ยังส่งผลระยะยาวต่อสุขภาพของคนไทยทุกคน รัฐบาลจะไม่ยอมให้ประเทศไทยกลายเป็นแหล่งทิ้งของเสียจากต่างประเทศ และจะดำเนินการอย่างเด็ดขาดกับผู้กระทำผิด ขอให้ประชาชนมั่นใจว่า รัฐบาลจะเฝ้าระวังและป้องกันอย่างใกล้ชิดเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นของทุกคน“ นางสาวศศิกานต์ ระบุ