ไม่พบผลการค้นหา
'ธนาธร' หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ชี้งานระดมทุนพรรคพลังประชารัฐเอาเปรียบพรรคอื่น ขอเปิดรายชื่อผู้เข้าร่วมงานว่ามีการบริจาคมาจากภาครัฐหรือไม่

วันที่ 21 ธ.ค. จากกรณี 'พรรคพลังประชารัฐ' ระดมทุนด้วยการจัดเลี้ยงโต๊ะจีนจำนวน 200 โต๊ะ มูลค่าโต๊ะละ 3 ล้านบาท และได้ยอดรวมทั้งสิ้น มูลค่ากว่า 650 ล้านบาท ทั้งนี้ภายในงานยังมีป้ายระบุว่าโต๊ะนี้เป็นของ คลัง ททท. กทม. รวมถึงผู้สนับสนุนอื่นๆ นั้น

น.ส.พรรณิการ์ วานิช โฆษกพรรคอนาคตใหม่ กล่าวว่า ขอตั้งคำถามต่อพรรคพลังประชารัฐว่า หน่วยงานดังกล่าวที่ระบุ หมายถึงกระทรวงการคลัง การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย และกรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นหน่วยงานรัฐใช่หรือไม่ ประชาชนจะทราบได้อย่างไรว่า เงินที่นำมาซื้อโต๊ะจีน ไม่ใช่งบประมาณของหน่วยงานนั้น 

นอกจากตัวแทนพรรคพลังประชารัฐและสมาชิกแล้ว ยังมีนักการเมืองที่มีชื่อเสียงจากพรรคอื่นๆ อาทิ นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ ประธานที่ปรึกษาพรรคชาติพัฒนา, นายเทวัญ ลิปตพัลลภ หัวหน้าพรรคชาติพัฒนา, นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ ตัวแทนพรรคประชาธิปัตย์, นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ อดีตแกนนำ กปปส. และสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์, นายนิกร จำนง ผู้อำนวยการพรรคชาติไทยพัฒนา หมายความว่านักการเมืองเหล่านี้ ประกาศตัวจะสนับสนุนเผด็จการหรือไม่

ด้านนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ กล่าวว่า ตัวแทนจากพรรคการเมืองและหน่วยงานของรัฐ ที่มีชื่อเข้าร่วมงาน นี้ไม่ใช่ผู้อยู่เบื้องหลังของเผด็จการอีกต่อไป แต่พวกคุณคือเบื้องหน้าของฝ่ายสนับสนุนเผด็จการ โดยภายบรรยากาศภายในงานเสมือนการเจรจาก่อตั้งรัฐบาลมากกว่ากิจกรรมของพรรคการเมือง

การระดมทุนในวันเดียวได้เงินถึง 650 ล้านบาท เป็นการเอาเปรียบพรรคอื่นๆ ที่ผ่านมา พรรคอนาคตใหม่เปิดขายสินค้าของที่ระลึกราคาชิ้นละร้อยกว่าบาท คงต้องขายเป็นล้านๆ ชิ้น ถึงมีรายได้เท่ากับงานเลี้ยงโต๊ะจีนของพรรคพลังประชารัฐเพียงวันเดียว

"ส่วนกรณีที่พรรคพลังประชารัฐบอกว่า ต้องใช้เวลาตรวจสอบเรื่องทั้งหมด 2-3 สัปดาห์ ตนเห็นว่าไม่ต้องใช้เวลามากขนาดนั้น แค่นำบัญชีรายชื่อผู้เข้าร่วมงาน มาเปิดเผย ก็ทราบแล้ว ว่ามีการบริจาคจากภาครัฐหรือไม่ ซึ่งเรื่องเหล่านี้ ป.ป.ช.น่าจะตรวจสอบได้ไม่ยาก และใช้เวลาไม่นาน เพราะประเด็นหลักมีประเด็นเดียว คือที่มาที่ไปการเงิน ก็ไม่ซับซ้อน ถ้าจริงใจในการให้ตรวจสอบจริง 2-3 ชั่วโมงก็ทำได้แล้ว" นายธนาธร กล่าว


ศรีสุวรรณ จี้ กกต. เร่งตรวจสอบพรรคการเมืองระดมทุนด้วยโต๊ะจีนร้อยล้าน 

นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย เดินทางเข้ายื่นหนังสือต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง เพื่อขอให้ตรวจสอบกรณีการที่พรรคการเมืองจัดระดมทุนโดยการจัดเลี้ยงโต๊ะจีนด้วยการขายโต๊ะละ 1 ล้านบาทหรือ 3 ล้านบาท และทำการโฆษณาหาเสียงด้วยมหรสพหรือการรื่นเริง โดยมีข้าราชการพนักงานของรัฐ ร่วมงานและจ่ายเงินซื้อโต๊ะจีนถือว่าเป็นการเข้าข่ายการกระทำอันก่อให้เกิดความไม่สุจริตเที่ยงธรรมหรือไม่ 

โดยนายศรีสุวรรณ เชื่อว่า การจัดเลี้ยงโต๊ะจีนเพื่อระดมทุนดังกล่าว ขัดกฎหมายหลายฉบับ ทั้งกฎหมายพรรคการเมือง และกฎหมายเลือกตั้ง ส.ส. ซึ่งการจำหน่ายโต๊ะจีนยางราคาสูงเกินปกติ และการซื้อหรือจะบริจาคเงินเป็นล้านบาทให้พรรคการเมือง อาจมีผลประโยชน์ต่างตอบแทนได้ ขณะที่พรรคการเมืองขนาดเล็กไม่มีศักยภาพจัดงานเช่นนั้นได้ ทำให้การแข่งขันก่อนการเลือกตั้งไม่เป็นธรรม นอกเหนือจากการขัดกับความมุ่งหวังให้พรรคการเมืองเป็นของมหาชน ไม่ใช่ของกลุ่มทุน อย่างที่มีการอ้างในการปฏิรูประบบการเมือง

ส่วนการที่มีเจ้าหน้าที่ของรัฐร่วมซื้อโต๊ะจีนด้วยนั้น ถือว่าขัดต่อ พ.ร.บ.ระเบียบข้าราชการพลเรือน, ซึ่งตามกฎหมายว่าด้วย กกต.นั้นให้อำนาจ กกต.สืบสวนไต่สวนและมีข้อสรุปหรือคำวินิจฉัยได้ หากพบว่าเจ้าหน้าที่รัฐกระทำผิดอยู่ในขอบข่ายหน้าที่และอำนาจของหน่วยงานอื่น ให้กกต.มีหนังสือแจ้งหน่วยงานหรือองค์กรอิสระที่เกี่ยวข้องเพื่อดำเนินการหน้าที่และอำนาจต่อไป

อภิสิทธิ์ จี้ กกต. ตรวจสอบพรรคพลังประชารัฐ เผยชื่อใครเป็นผู้บริจาคบ้าง

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เปิดเผยความคืบหน้ากรณี พรรคพลังประชารัฐจัดงานเลี้ยงโต๊ะจีนหาเงินระดมทุนเข้าพรรค ว่า การระดมทุนเข้าพรรคการเมืองโดยการจัดงานนั้น สามารถทำได้ ไม่ได้ผิดอะไร แต่มีปัญหาคือ การใช้อำนาจของผู้ที่มีตำแหน่งทางการเมืองของ 4 รัฐมนตรี พรรคพลังประชารัฐ หรือ ตำแหน่งอื่น ๆ ทางราชการ ไปใช้ในการหาเงินระดมทุนนั้น ถือว่ามีความผิดตามกฎหมายพรรคการเมือง ซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับความผิดตามพระราชกฤษฎีกาการเมือง

เพราะฉะนั้นคณะกรรมการการเลือกตั้งควรดำเนินการตรวจสอบเรื่องดังกล่าวให้เกิดความชัดเจน เพราะที่ผ่านมาตนเองบอกเสมอว่า คนที่มีตำแหน่งในรัฐบาล และ มีอำนาจในการบริการประเทศ แต่กลับมีผลได้เสียกับการเลือกตั้งทางการเมืองนั้น ก็จะเกิดปัญหาตามมาแบบนี้ ดังนั้นหากการตรวจสอบพบว่าเป็นการกระทำผิด ผู้ที่บริจาคเงิน และ คนรับเงิน ก็จะถือว่ามีความผิดทั้งหมด

ขณะที่กฎหมายพรรคการเมืองระบุไว้ชัดเจนว่า บุคคลใดที่ไม่สามารถรับเงิน และ บุคคลใดบ้างที่ห้ามบริจาคเงิน ซึ่งสุดท้ายตนเองเชื่อว่า จะต้องมีการเปิดเผยว่า ใครเป็นผู้บริจาคเงินบ้าง และ การบริจาคเงินดังกล่าวเข้าข่ายความผิดตามกฎหมายหรือไม่ จากนั้นผู้สื่อข่าวถามอีกว่า ทางพรรคพลังประชารัฐได้ออกมาระบุว่า พร้อมจะคืนเงินบริจาคถ้าหากมีปัญหา นั้น นายอภิสิทธิ์ตอบว่า “แปลว่าผิดแล้วอ่ะหรอ ถึงได้พูดแบบนี้”

ขณะเดียวกัน นายอภิสิทธิ์ เปิดเผยอีกว่า ทางพรรคประชาธิปัตย์มีความระมัดระวังไม่ให้บุคคล หรือ สมาชิกภายในพรรคทำผิดข้อกฎหมายพรรคการเมืองอย่างเด็ดขาด โดยตนเองได้กำชับกรรมการบริหาร และ สมกชิกทุกคน เกี่ยวกับเรื่องข้อกฎหมายอยู่ตลอด อีกทั้งทางพรรคไม่มีนโยบายจัดงานระดมทุนเข้าพรรคอย่างแน่นอน เนื่องจากพรรคอาศัยเงินบริจาค และ เงินบำรุงก็เพียงพอ


กกต. รอผลรายงานการจัดโต๊ะจีนระดมทุนของพรรคการเมือง มีกรอบ 30 วัน 

พันตำรวจเอกจรุงวิทย์ ภุมมา เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต.กล่าวถึงการจัดกิจกรรมของพรรคการเมืองในห้วงนี้ว่า สามารถรับบริจาค, ระดมทุนต่างๆ รวมถึงการจัดงานโต๊ะจีนโฆษณานโยบายต่างๆได้ ตามกรอบ พ.ร.บ.พรรคการเมือง ส่วนขั้นตอนต่อไปจะต้องควบคุมอย่างไรนั้น หลังจากการบริจาคหรือระดมทุน ตาม พ.ร.บ. พรรคการเมืองมาตรา 64-65 เขียนชัดเจนว่า ภายใน 30 วันพรรคการเมืองต้องประกาศให้ประชาชนทราบด้วยว่าได้รับบริจาคมายังไง จำนวนเท่าไหร่และจากใครบ้างและรายงานมาที่นายทะเบียนพรรคการเมืองด้วย

สำหรับงานรับจองโต๊ะจีนร้อยล้่านของบางพรรค กกต.กำลังดูข้อกฎหมายอยู่ เพราะยังไงต้องรายงาน อยู่แล้ว ซึ่งการบริจาคเกิน 100,000 บาทต้องมีชื่อผู้บริจาคด้วย ส่วนหน่วยงานรัฐสามารถบริจาคให้พรรคการเมืองได้ แต่การระดมคนมาหรือไม่นั้น เป็นเรื่องการดำเนินการ ที่ต้องตีความตามเนื้อหา, กลวิธีที่ขึ้นอยู่กับข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย เบื้องต้นมาตรา 64 ต้องรอรายงานและประกาศให้ประชาชนทราบด้วย หากมีผู้ร้องต้องตรวจสอบข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายเป็นรายกรณีไป