ไม่พบผลการค้นหา
สถานเอกอัครราชทูตไทย ณ เวียงจันทน์ ออกประกาศมาตรการป้องกันโควิด-19 ให้ปฏิบัติตาม หลัง สปป.ลาวมีการผ่อนปรนมาตรการป้องกันโควิด-19 เริ่ม 4-17 พ.ค. นี้โดยขอให้คนไทยปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด

สถานเอกอัครราชทูต ณ เวียงจันทน์ ออกประกาศที่ 21/2563 ลงวันที่ 2 พ.ค. 2563 เรื่องมาตรการป้องกันควบคุมสกัดกั้นและแก้ไขการระบาดของโรคโควิด-19 ระหว่างวันที่ 4-17พ.ค. 2563 แจ้งว่ารัฐบาล สปป.ลาวได้กำหนดมาตรการควบคุมสกัดกั้นและแก้ไขการระบาดของโรคโควิด-19 โดยอนุญาตให้สำนักงานของพรรครัฐและเอกชนเปิดดำเนินการโดยให้พนักงานข้าราชการหมุนเวียนมาทำงานเป็นปกติ โดยให้วางมาตรการป้องกันเชื้อหากสำนักงานใดสามารถทำงานผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์และเครือข่ายอินเทอร์เน็ตก็สามารถทำต่อไปได้ตามความเหมาะสม

อีกทั้งอนุญาตให้ประชาชน พนักงาน ข้าราชการ ผู้ประกอบการและชาวต่างประเทศที่พำนักใน สปป.ลาวสามารถออกจากบ้านได้ และเดินทางภายในนครหลวงเวียงจันทน์ หรือภายในแขวงตามความจำเป็น, อนุญาตให้มีการฝึกอบรม การประชุมเป็นทางการภายในนครหลวงฯ และแขวง แต่ให้จำกัดผู้เข้าร่วมและรักษาระยะห่าง 1 เมตรขึ้นไป ล้างมือด้วยสบู่และน้ำสะอาดหรือเจลล้างมือ ใส่หน้ากากอนามัย วัดอุณหภูมิและทำความสะอาดสถานที่ตามคำชี้แนะของคณะเฉพาะกิจฯ, อนุญาตให้ออกกำลังกาย หรือเล่นกีฬากลางแจ้งที่ไม่เป็นทีมใกล้ชิดกัน เช่น เดิน วิ่ง ปั่นจักรยาน เต้นแอโรบิก ตีกอล์ฟ แต่ให้รักษาระยะห่างและปฏิบัติตามมาตรการป้องกันการติดเชื้อ, อนุญาตให้ห้างร้านต่างๆ ดำเนินกิจการได้ เช่น ร้านอาหาร ร้านขายอาหารสุก ร้านขายของชำ ร้านตัดผม ร้านเสริมสวย ตลาดสด ศูนย์การค้า ร้านค้าขายส่งขายปลีก ร้านซูเปอร์มาร์เก็ต ร้านกาแฟ ร้านซ่อมรถ ร้านล้างอัดฉีดรถ โรงงานน้ำดื่ม โรงงานน้ำแข็ง แต่ให้รักษาระยะห่างและปฏิบัติตามมาตรการป้องกันการติดเชื้อ

นอกจากนี้ยังอนุญาตให้บรรดาโรงงาน โครงการลงทุนที่เป็นกิจการขนาดใหญ่ของภาคธุรกิจต่างๆ ที่สามารถปฏิบัติถูกต้องตามเงื่อนไขและมาตรการคำแนะนำเลขที่ 031/สพก สามารถเปิดดำเนินกิจการได้ โดยมอบให้คณะเฉพาะกิจระดับส่วนกลางและท้องถิ่นแต่งตั้งคณะเจ้าหน้าที่ตรวจสอบรับรองและอนุญาต, ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเตรียมเปิดโรงเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 มัธยมศึกษาปีที่ 4 และปีที่ 7 และโรงเรียนภายใต้กระทรวงป้องกันประเทศและกระทรวงป้องกันความสงบตั้งแต่วันที่ 18 พ.ค. 2563 โดยให้รักษาระยะห่าง 1 เมตรขึ้นไป ล้างมือด้วยสบู่และน้ำสะอาดหรือเจลล้างมือ ใส่หน้ากากอนามัย วัดอุณหภูมิ และทำความสะอาดสถานที่ตามคำชี้แนะของคณะเฉพาะกิจฯ ส่วนชั้นเรียนระดับอื่นๆ ให้ปิดต่อไปจนกว่าจะมีการแจ้งเพิ่มเติมภายหลัง, อนุญาตให้ชาวต่างชาติที่มาทำงานใช้แรงงานหรือศึกษาที่ สปป.ลาว กลับประเทศตามจุดประสงค์ สำหรับนักศึกษาลาวและแรงงานลาวที่ต้องการกลับไปเรียนต่อหรือใช้แรงงานที่ต่างประเทศสามารถเดินทางไปได้ตามระเบียบการของประเทศเจ้าภาพ      

ขณะเดียวกันให้คงการปฏิบัติตามมาตรการบางประการอย่างเข้มงวดต่อไป คือ ห้ามบุคคลเดินทางระหว่างแขวงกับแขวง ยกเว้นกรณีจำเป็น เช่น การไปทำงานทางการ นักเรียนนักธุรกิจ การเจ็บป่วย การเสียชีวิต การขนส่งสินค้า การนำส่งคนป่วย สามารถเดินทางได้ แต่ต้องมีเอกสารยืนยัน, ปิดบรรดากิจการร้านบันเทิง ร้านเหล้าเบียร์ โรงภาพยนตร์ ร้านคาราโอเกะ ร้านบริการนวด-สปาทุกประเภท กาสิโน ตลาดกลางคืน สถานที่ออกกำลังกาย-เล่นกีฬาในร่ม กีฬากลางแจ้งเป็นทีมที่มีการใกล้ชิดกัน เช่น ฟุตบอล บาสเกตบอล วอลเลย์บอล มาราธอน ชกมวย ชนไก่ เปตอง การแข่งขันกีฬาทุกประเภทที่มีผู้ชมและนักกีฬาเข้าร่วมเกิน 10 คน ซึ่งไม่สามารถรักษาระยะห่างเกิน 1 เมตรได้ 

ห้ามจัดกิจกรรมชุมนุมงานสังสรรค์หรือการรวมพลคนเป็นจำนวนมากเกิน 10 คน และไม่สามารถรักษาระยะห่างเกิน 1 เมตรได้ที่มีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อ, ปิดด่านประเพณี ด่านท้องถิ่น ด่านสากล สำหรับการเข้าออกของบุคคลทั่วไป เว้นแต่ผู้ที่ได้รับการอนุญาตจากคณะเฉพาะกิจฯ และรถขนส่งสินค้าเข้า-ออก, ระงับการออกวีซ่าทุกประเภทให้แก่บุคคลทั่วไปที่เดินทางมาจากประเทศที่ยังมีการระบาดของโรคโควิด-19 ยกเว้นวีซ่า สำหรับผู้เชี่ยวชาญวิชาการและแรงงานต่างชาติที่มีความจำเป็นเข้ามาปฏิบัติงานในโครงการที่สำคัญและจำเป็นแต่ต้องปฏิบัติการตรวจหาเชื้อโควิด-19 และจำกัดบริเวณตนเอง 14 วันในศูนย์ที่ทางการกำหนด, ให้ประชาชนและชาวต่างประเทศที่พำนักใน สปป.ลาวปฏิบัติตามมาตรการป้องกันการติดเชื้ออย่างเข้มงวดต่อไป เช่น การรักษาระยะห่าง 1 เมตรขึ้นไป ล้างมือด้วยสบู่และน้ำสะอาดหรือเจลล้างมือ ใส่หน้ากากอนามัย วัดอุณหภูมิและทำความสะอาดสถานที่ตามคำชี้แนะของคณะเฉพาะกิจฯ

สำหรับมาตรการผ่อนปรนนี้เป็นมาตรการชั่วคราวบังคับใช้ระหว่างวันที่ 4-17 พ.ค. 2563 ถ้ามีการรายงานผู้ติดเชื้อเพิ่มรัฐบาลอาจนำมาตรการต่างๆ ที่ได้กำหนดในคำสั่งเลขที่ 06/นย. กลับมาปฏิบัติอีกครั้งอย่างเข้มงวด จึงขอความร่วมมือประชาชนชาวไทยใน สปป.ลาว โปรดติดตามสถานะล่าสุด และโปรดปฏิบัติตามข้อกำหนดของทางการลาวอย่างเคร่งครัด หากไม่ปฏิบัติตามจะถูกดำเนินการตามกฎหมายของสปป.ลาว ทั้งนี้หากต้องการทราบรายละเอียดเพิ่มเติมและ/หรือความช่วยเหลือ สามารถติดต่อหมายเลขฉุกเฉินของหน่วยราชการไทยในสปป.ลาว ได้แก่ สถานเอกอัครราชทูตณเวียงจันทน์หมายเลข+8562055512228 และ +8562055540636, สถานกงสุลใหญ่ ณ แขวงสะหวันนะ เขตหมายเลข+8562095208537