ไม่พบผลการค้นหา
ผู้ว่าฯ จ.ขอนแก่น สั่งทุกอำเภอรับมือไวรัสอาร์เอสวี หลังพบผู้ป่วยติดเชื้อสะสมแล้วรวมกว่า 400 คน เตือนผู้ปกครองอย่าชะล่าใจ พบความผิดปกติรีบพาบุตร-หลาน ไปพบแพทย์ทันที พร้อมระบุกลุ่มผู้สูงอายุเสี่ยงติดเชื้อด้วยกำชับทุกพื้นที่การ์ดอย่าตก

สมศักดิ์ จังตระกุล ผู้ว่าราชการ จ.ขอนแก่น เปิดเผยว่า ขณะนี้ทางจังหวัดได้สั่งการไปทั้ง 26 อำเภอ ของ จ.ขอนแก่น เฝ้าระวัง ติดตามและรับมือจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสอาร์เอสวี ในพื้นที่ที่รับผิดชอบอย่างเต็มที่ เข้มงวดและการ์ดอย่าตก เนื่องจากขณะนี้ได้รับการยืนยันจากสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดที่ระบุว่าพบผู้ป่วยติดเชื้อสะสมแล้วรวมกว่า 400 คน ในกลุ่มเด็กแรกเกิดจนถึง 3 ปี ซึ่งเป็นกลุ่มเสี่ยงที่สำคัญที่ยังคงไม่มีภูมิต้านทานหรือภูมิคุ้มกัน ขณะเดียวกันจากข้อมูลยังคงพบอีกว่ากลุ่มเสี่ยงคือกลุ่มผู้ที่มีอายุ ตั้งแต่ 65 ปีขึ้นไป จัดเป็นอีกหนึ่งกลุ่มที่จังหวัดต้องเฝ้าระวังการติดเชื้อและการเกิดอาการป่วยด้วยเช่นกัน เนื่องจากเป็นโรคในระบบทางเดินทางหายใจและเป็นโรคติดต่อที่เกิดขึ้นในระยะนี้

“จะเห็นได้ว่าการแพร่ระบาดของโรคทางเดินหายใจหรือการติดเชื้อไวรัสอาร์เอสวี ที่เกิดขึ้นนั้นไม่ใช้แต่เฉพาะกลุ่มเที่ยงคือในกลุ่มอายุแรกเกิดจนถึง 3 ปีเท่านั้น แต่ยังคงครอบคลุมไปถึงกลุ่มผู้สูงอายุที่มีอายุตั้งแต่ 65 ปีขึ้นไป ดังนั้นทุกกลุ่มจึงต้องมีการเฝ้าติดตามอาการอย่างใกล้ชิด ซึ่งหากพบมีสิ่งผิดปกติ โดยเฉพาะกับการมีไข้สูง ไอบ่อยๆ ตัวลาย ซีดเหลืองควรที่จะมาพบแพทย์ทันทีก่อนที่เชื้อจะลามสู่ปอดซึ่งจะเสี่ยงต่อการเกิดอันตรายถึงชีวิตได้” ผู้ว่าฯ ขอนแก่น กล่าว  

ผู้ว่าฯ ขอนแก่น กล่าวว่า การรักษานั้นแม้ทางการแพทย์จะทำการรักษาตามอาการ โดยที่ยังคงไม่มียาที่จะรักษาให้หายขาดแต่การป้องกันและเฝ้าระวังจึงเป็นสิ่งที่สำคัญอย่างมาก ซึ่งมาตรการการป้องกันโควิด-19 ที่จังหวัดได้เน้นย้ำและย้ำเตือนให้กับประชาชนได้ทำจนเกิดการคุ้นชินและการ์ดไม่ตก ทั้งการล้างมือบ่อยๆ การเว้นระยะห่าง การใช้เจลแอลกอฮอล์ล้างมือ รวมไปถึงการกินร้อน ช้อนส่วนตัว จึงต้องดำเนินการอย่างเข้มงวด เนื่องจากโรคไวรัสอาร์เอสวีที่เกิดขึ้นนั้นเป็นโรคที่เกิดขึ้นในช่วงปลายฝนต้นหนาว ซึ่งขอนแก่นนั้นมีสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงบ่อยและเข้าสู่ช่วงฤดูหนาวอย่างเป็นทางการจึงจำเป็นจะต้องควบคุมและป้องกันตามมาตรฐานความปลอดภัยด้านสาธารณสุขอย่างเข้มงวด เนื่องจากยังคงมีผู้ป่วยเข้ารับการรักษาและพบแพทย์ในโรคระบบทางเดินหายใจในระยะนี้อย่างต่อเนื่อง