การรุกรานยูเครนอย่างเหี้ยมโหดโดยรัสเซียก้าวเข้าสู่ปลายสัปดาห์ที่ 4 ความโหดร้ายในการบุกโจมตีทำลายทรัพย์สินและชีวิตของ 'พลเรือน' มีให้เห็นอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นกองทัพรัสเซียได้ทิ้งระเบิดใส่โรงเรียนศิลปะที่มีชาวยูเครนหลบภัยอยู่ทั้งสิ้น 400 คนในสัปดาห์นี้ หรือกระทั่งการทิ้งระเบิดใส่อาคารที่มีประชาชนหลบภัยอยู่กว่า 1,000 คนเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา 

'มารีอูปอล' เมืองเล็กๆ แห่งหนึ่งทางตะวันออกเฉียงใต้ของยูเครนที่บัดนี้ได้กลายเป็นศูนย์กลางการโจมตีจากรัสเซียไปแล้ว เนื่องจากเป็นเมืองที่ถูกถล่มด้วยระเบิดและเกิดความเสียหายหนักที่สุดนับตั้งแต่รัสเซียเปิดสงครามตั้งแต่วันที่ 24 ก.พ.ที่ผ่านมา พื้นที่เมือง 90% พังทลายย่อยยับ ถูกตัดน้ำดื่ม ไฟฟ้า อาหาร ยารักษาโรค และระบบความร้อนเพื่อสร้างความอบอุ่นให้กับผู้คน

BBC ได้นำเสนอ 4 เหตุผลที่ทำให้รัสเซียต้องการยึดเมืองท่าแห่งนี้ให้ได้เพื่อเหตุผลทางยุทธศาสตร์ คือ

'ระเบียงดิน' เชื่อมไครเมีย-ดอนบาส

การยึดเมืองมารีอูปอลจะเป็นการยึดระเบียงทางบกสำคัญที่เชื่อมต่อ 'ภูมิภาคดอนบาส' และ 'ไครเมีย' ในทันที กองกำลังของรัสเซียกำลังทำทุกทางที่จะรุกคืบจากคายสมุทรไครเมียขึ้นมาทางตะวันออกเฉียงเหนือของยูเครนเพื่อเชื่อมต่อกับกลุ่มแบ่งแยกดินแดนที่ฝักไฝ่รัสเซียในดอสบาส ขณะที่ตอนนี้กองทัพรัสเซียก็เดินกำลังรายล้อมพื้นที่มารีอูปอลไว้หมดแล้วทุกทิศทุกทาง มุ่งตรงสู่ใจกลางเมือง

พลเอกริชาร์ด แบร์รอน อดีตเจ้าหน้าที่ทหารระดับสูงของกองทัพอังกฤษชี้ว่า การยึดมารีอูปอลสำเร็จจะหมายถึงรัสเซียสามารถยึด "สะพานดินเชื่อมดินแดน" ได้ ซึ่งจะเป็นความสำเร็จทางยุทธศาสตร์ของกองทัพรัสเซีย โดยรัสเซียจะครอบครอบชายฝั่งทะเลดำของยูเครนเป็นสัดส่วนมากถึง 80% ทันที ตัดขาดการค้าทางทะเลของยูเครนและโดดเดี่ยวยูเครนได้อย่างมีนัยสำคัญ

มารีอูปอลคือ 'จุดยุทธศาสตร์ส่งออกสำคัญ'

ในช่วงเวลาปกติ มารีอูปอลคือเมืองท่าสำคัญบนชายฝั่งทะเลอาซอฟ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของทะเลดำ มีกิจกรรมทางเศรษฐกิจเกิดขึ้นอย่างคึกคักโดยเฉพาะการส่งออกเหล็ก ถ่านหิน และข้าวโพด ไปยังตะวันออกกลางและพื้นที่อื่นๆ ทั่วโลก

ตั้งแต่การประกาศยึดไครเมียโดยรัสเซียอย่างไม่ได้รับการยอมรับจากนานาชาติเมื่อปี 2557 ที่ผ่านมา มารีอูปอลตกอยู่ในที่นั่งลำบาก ถูกบีบจากทั้งสองฝั่งทั้งพื้นที่ที่ต้องการแบ่งแยกดินแดนออกจากยูเครนอย่างลูฮานสค์และโดเนตสค์ในภูมิภาคดอนบาส และอีกฝั่งก็คือไครเมียที่ 'ถูกเคลม' โดยรัสเซีย การเสียมารีอูปอลจึงเป็นการเสียพื้นที่ทางเศรษฐกิจที่สำคัญมากสำหรับยูเครน

โอกาสสำคัญของการสร้าง 'โฆษณาชวนเชื่อ'

กองกำลังอาซอฟ หรือ 'Azov Brigade' ในประเทศยูเครน คือโอกาสที่รัสเซียต้องการใช้เพื่อ "แสดงความชอบธรรม" ให้กับการรุกรานยูเครนให้กับตัวเอง เนื่องจากว่ากองกำลังกลุ่มนี้เป็นกลุ่มคนที่มีแนวคิดขวาจัดสุดโต่ง ซึ่งรวมถึงกลุ่มนีโอนาซีเข้าไว้ด้วย 

BBC ชี้ว่า แม้กองกำลังอาซอฟจะมีจำนวนเพียงน้อยนิดเท่านั้นเมื่อเทียบกับกองทัพยูเครน แต่ก็เป็นจุดที่รัสเซียต้องการใช้เป็นข้ออ้างที่จะเข้าไปรุกรานยูเครนอยู่ดี 

หากการยึดมารีอูปอลเกิดขึ้นจริงและรัสเซียสามารถจับกุมสมาชิกกลุ่มกองกำลังอาซอฟแบบยังมีชีวิตอยู่มาได้ ก็จะมีการป่าวประกาศไปทั่วผ่านทางสื่อของรัฐบาลรัสเซียว่าบัดนี้รัสเซียได้ทำภารกิจกำจัดกลุ่มนีโอนาซีและกลุ่มขวาจัดสุดโต่งได้สำเร็จแล้ว ถือเป็นการดำเนินการตามแผนที่จะทำลายชื่อเสียงของรัฐบาลยูเครนในสงครามข่าวสารที่กำลังดำเนินอยู่

โอกาสสร้าง 'ขวัญกำลังใจ' ครั้งใหญ่

หากมารีอูปอลถูกรัสเซียยึดสำเร็จ เหตุการณ์นี้จะมีผลกระทบทางจิตใจอย่างรุนแรงต่อประชากรของทั้งรัสเซียและยูเครน เป็นที่แน่นอนว่ารัฐบาลรัสเซียจะต้องนำ "ชัยชนะ" นี้ไปอวดอ้างต่อประชากรในประเทศตัวเองผ่านสื่อรัฐบาลว่ากองทัพรัสเซียภายใต้การนำของปูตินทำภารกิจได้สำเร็จจริงตามที่วางเป้าหมายไว้และมีความคืบหน้าเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง

สงครามครั้งนี้มีความหมาย 'ส่วนตัว' สำหรับ ปธน.ปูตินอย่างมาก เขาต้องการที่จะคืนชีพให้กับแนวคิดที่ว่า "ต้องรีบเข้าไปช่วยชีวิตชาวรัสเซียที่ถูกรัฐบาลยูเครนผู้ฝักไฝ่ชาติตะวันตกกดขี่" มารีอูปอลคืออุปสรรคสำคัญต่อการบรรลุเป้าหมายนั้น ฉะนั้นรัสเซียจึงจำเป็นจะต้องยึดเมืองสำคัญทางยุทธศาสตร์นี้มาให้จงได้

แม้ปัจจุบันชาวยูเครนในมารีอูปอลจะต่อสู้การอย่างไม่คิดชีวิตและลั่นวาจาว่าจะไม่ยอมแพ้ "จนกว่าจะเหลือทหารคนสุดท้าย" ความจริงที่น่าปวดร้าวก็คือคำพูดที่กล่าวนั้นอาจเกิดขึ้นจริง 

การสู้จนหยดสุดท้ายกำลังแลกมาด้วยชีวิตของคนจริงๆ พลเรือนผู้บริสุทธิ์ และพื้นที่ที่ตอนนี้มากกว่า 90% ถูกทำลาย ท้ายที่สุดอาจเหลือเพียงซากปรักหักพังไม่ต่างกับอดีตอย่างเมือง 'อเลปโป' 

และทั้งหมดนี้คือข้อความที่รัสเซียต้องการส่งไปยังทุกเมืองที่เหลือในยูเครนให้เข้าใจตรงกันว่า "หากต้องการต่อต้าน ก็จะได้รับผลไม่ต่างจากมารีอูปอล"