เป็นประเด็นร้อนในช่วง 2-3 วันที่ผ่านมา กับการออกมาเรียกร้องปมสิทธิเลี้ยงดู 'แม็กซ์เวลล์' ลูกชายวัย 6 ขวบ ของ ไมค์ พิรัชต์ นิธิไพศาลกุล และ ซาร่า คาซิงกินี หลังไมค์ พิรัชต์ เดินทางไปศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง ในคดียื่นคำร้องขออำนาจปกครองบุตรร่วมกับ ซาร่า คาซิงกินี เพื่อขอให้ศาลพิพากษาให้เป็นบิดาโดยชอบด้วยกฎหมายของลูกชาย โดยไมค์ได้ร้องขอเพื่อจดทะเบียนรับรองบุตร ใช้อำนาจปกครอง ขณะที่ ซาร่า ส่งทนายส่วนตัวมาคัดค้าน
ซาร่า คาซิงกินี ยืนยันชัดในรายการว่า ไมค์ พิรัชต์ ไม่เคยขอเซ็นรับรองบุตรเพื่อให้มีอำนาจในการปกครองร่วม เหตุใดจึงไม่คุยเรื่องนี้กับเธอก่อนส่งเรื่องถึงศาล ที่ผ่านมาตลอด 6 ปีเธออนุญาตให้ไมค์ได้พบลูกตลอดเวลา จะมีแค่บางครั้งที่เธอติดธุระและเวลาว่างไม่ตรงกัน
ครั้งสุดท้ายที่ไมค์ เจอลูกคือช่วงวันเกิดเดือน ก.ค. ไม่ถึง 5-6 เดือนอย่างที่กล่าวอ้าง แต่หลังจากเธอได้รับหมายศาล ยอมรับว่าไม่ยอมติดต่อกับ ไมค์ เน่ื่องจากตนเองเครียด ไม่คิดพาลูกหนี โดยวันเกิดลูกชายที่ไมค์คลาดเคลื่อนเจอที่สนามบิน เป็นการเข้าใจผิด โดยทุกปีเธอพาลูกกลับภูเก็ตอยู่แล้ว
กรณี ไมค์ ร้องขออำนาจปกครองตามกฎหมาย ที่คัดค้านเพราะเขาได้ลดคุณภาพชีวิตลูก มีการขอย้ายโรงเรียน และที่อยู่อาศัย ซึ่งทุกอย่างเป็นสิ่งที่เขาได้เสนอให้ซาร่าและลูกมาตั้งแต่ต้น โดยไม่ได้ร้องขอ อาทิ การขอย้ายที่อยู่ให้ไปอยู่ห้องเช่า เดือนละ 4000 บาท ห้อง 22 ตร.ม และย้ายที่เรียนลูกจาก 8 แสน เหลือให้ปีละ 1 แสนบาท เพราะไมค์ ไม่สามารถแบกรับค่าใช้จ่าย และกำลังล้มละลายจากเหตุโควิด-19 อีกทั้งยังมีการปิดน้ำ ปิดไฟคอนโด ไล่ให้ออก เพราะฝ่ายชายไปพบว่ามีคนอื่นอยู่ ซึ่งไม่ใช่ความจริง เป็นญาติที่ไปช่วยชนของ
ปัญหาหลักๆ ไม่ใช่เรื่องเงิน แต่เพราะมาลดคุณภาพชีวิตลูก โดยปัจจุบัน ซาร่าและแม็กซ์เวลล์ ได้ย้ายกลับไปอยู่จังหวัดภูเก็ตบ้านเกิด พร้อมย้ายให้แม็กซ์เวลล์ไปเรียนที่นั่น และหาโรงเรียนตอบโจทย์กับความชอบของลูก โดยเธอออกค่าใช้จ่ายเองทั้งหมด
ระบุอีกเหตุผลที่คัดค้าน เพราะตลอด 6 ปี ไมค์ ทำงานที่จีนเป็นหลัก ถ้าให้ปกครองร่วม กลัวในอนาคตจะส่งผลต่อลูกในเรื่องการตัดสินใจต่างๆ ที่ต้องรอฝ่ายชายทำเอกสารต่างๆ พร้อมย้ำว่า "ความเป็นพ่อเป็นอยู่ที่การกระทำไม่ใช่แค่กระดาษ" และเขามีสิทธิ์เต็มที่ร้อยเปอร์เซ็นต์มาตลอด 6 ปี
"อยากให้จบลงเป็นผลดีที่สุดของลูก เพราะเรื่องนี้เป็นของลูกเป็นหลัก ไม่ใช่เรื่องของพ่อแม่ ยอมรับซาร่ากับไมค์มีปัญหามาเป็นปี ไม่อยากให้ลูกรู้และเลือกที่จะเงียบ แต่ฝ่ายชายเลือกที่จะให้เป็นข่าว ซาร่ามองว่าคนที่กระทบที่สุดคือลูก ไม่อยากออกมาตีแผ่เรื่องในครอบครัว อีกไม่กี่ปีลูกชายโตมาแล้วเจอว่าพ่อแม่มีปัญหากัน คนที่จะต้องเจ็บปวดที่สุดก็คือลูก อยากให้เป็นเรื่องในครอบครัว แต่ ณ วันนี้ มันเป็นข่าว บางอย่างซาร่าต้องออกมาพูด และปกป้องสิทธิต่างๆของลูก
ฝากถึง ไมค์ เราอยู่บนพื้นฐานความเป็นจริง ถามว่าไม่ได้คุยกันเลยไหม คือหมายศาลมาถึงบ้าน แล้วมีประโยคที่ว่า เราไม่ต้องคุยกันอีกแล้ว หนูจำคำนั้น แล้วก็ไม่คุยกันอีกเลย"
ฟาก ไมค์ พิรัชต์ ได้นัดสื่อมวลชน แถลงเรื่องราวการยื่นคำร้องต่อศาลเพื่อได้สิทธิบิดาโดยชอบตามกฎหมายและอำนาจสิทธิในการปกครองร่วม ไม่ใช่สิทธิปกครองแต่เพียงผู้เดียว ไม่อยากเป็นบิดาที่จ่ายเงินอย่างเดียว แล้วไม่ได้รับรู้ข่าวสารลูกเลย อยากมีส่วนร่วมในทุกช่วงชีวิตของลูก เผยสาเหตุมาจาก การถูกกีดกันในการได้เจอลูก โดยมีโอกาสเจอลูกเมื่อเดือน มี.ค. หลังจากกลับจากต่างประเทศ จากนั้นก็ไม่ได้เจอ จนช่วงวันเกิดเดือน ก.ค. ซึ่งการที่เขาจะได้เจอลูกมีเหตุการณ์หลายอย่างค่อนข้างยาก ต้องไปดักเจอที่โรงเรียน หรือใต้คอนโด การได้เจอกันเพียงไม่กี่นาที และยังต้องไปรอเก้อที่สนามบิน ระบุลูกยังมีปฏิกิริยาเปลี่ยนไป บางวันบอกรักแด๊ดดี้ บางวันไม่รัก
จากสถานการณ์โควิด-19 บวกกับอาชีพนักแสดงที่ไม่มั่นคง จึงมีการเจรจากับ ซาร่า เพื่อขอลดค่าใช้จ่าย ทั้งเรื่องโรงเรียน และที่อยู่อาศัย โดยเรื่องโรงเรียนมีการไปสำรวจและคัดเลือกสถานที่ให้ซาร่าได้ดู ซึ่งทั้งหมดยังคงคุณภาพที่ดี แต่ไม่เคยได้รับคำตอบกลับจากซาร่า ส่วนเรื่องคอนโด มองว่าหากลูกต้องย้ายโรงเรียน จึงเสนอดูคอนโดใกล้โรงเรียน แถวเกษตรนวมินทร์ มีตั้งแต่ราคา 4,800-13,000 บาท อีกทั้งเหตุผลคอนโดเดิมเป็นของพี่ชาย ที่ทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และเขาต้องการจะขายห้องดังกล่าว แต่พอไปหาซาร่าที่คอนโดเพื่อเจรจาพบคนอื่นอยู่ในห้อง เลยมีการตัดคีย์การ์ด ตัดน้ำ แต่เพียง 5 วัน
ตลอด 6 ปี ได้ทำหน้าที่พ่อ คอยดูแลค่าใช้จ่ายทุกอย่าง มีเงินฝากประจำให้ลูก ซึ่งตนจ่ายไปเกือบ 10 ล้านบาท และไม่มีเหตุผลอะไรที่จะไม่เซ็นรับรองบุตร ที่ผ่านมาซาร่าไม่ให้เซ็น โดยอ้างให้ลูกโตก่อน ทุกวันนี้ไม่มีสิทธิตัดสินใจอะไรในชีวิตลูกเลย ส่วนกรณีข่าว ซาร่าตั้งครรภ์ลูกอีกคน ไม่ขอยุ่ง และไม่เกี่ยวกับการยื่นคำร้อง เพราะยื่นตั้งแต่เดือน มิ.ย. ก่อนจะมีข่าวดาราสาวท้องกลางกองถ่าย
ไมค์ ฝากถึงลูกชาย เผื่ออนาคตได้มาเปิดดูคลิปนี้ว่า "แด๊ดดี้เป็นดารา ยังไงก็ต้องเจอแบบนี้ เราอยู่ในที่สว่าง เรื่องพวกนี้มันหลีกเลี่ยงไม่ได้ แด๊ดดี้เลือกอาชีพไม่ได้ โตมาแบบนี้ เดินเส้นนี้มาตลอด และที่เป็นแบบนี้ ไม่อยากให้แม็กซ์เอาไปเป็นปม มันไม่ใช่ปม แม่และแด๊ดดี้ รักพี่แม็กซ์ที่สุดอยู่แล้ว แต่ปัญหาของผู้ใหญ่ก็แก้วันนี้ ก่อนที่ลูกจะโต ไม่ต้องคิดน้อยใจว่าทำไมครอบครัวไม่ปกติเหมือนคนอื่น หลังจากนี้อยากให้รู้ว่าไม่ว่าใครจะพูดอะไร วันนี้จนวันตายก็จะรักและไม่มีวันทอดทิ้งพี่แม็กซ์ ถ้าวันนึงเราไม่ได้อยู่กับพี่แม็กซ์ ที่ตรงนี้ก็เป็นของพี่แม็กซ์เสมอ"
ทั้งนี้ อยากไกล่เกลี่ยกับซาร่าแบบหลังบ้าน ไม่อยากออกมาพูดต่อหน้าสื่อแบบนี้ จบยังไงก็ได้ให้ดีต่อลูกชาย สิ่งที่ต้องการคือเจอ และมีสิทธิตัดสินในชีวิตลูก เรื่องค่าใช้จ่ายให้พอดีไม่จำเป็นต้องสูงเกินไป ตอนนี้ขอให้ตอบไลน์ก่อน ยืนยันว่าไม่ได้ลดคุณภาพชีวิตลูก
สำหรับข้อมูลทางกฎหมาย 'เจมส์ นิติธร แก้วโต' ทนายฝั่งไมค์ พิรัชต์ ระบุว่า หน้าที่บิดามารดาโดยกฎหมาย ต้องจดทะเบียนสมรสก่อน แต่ถ้าไม่จด แล้วพ่อทิ้งลูกไป แม่ไม่สามารถไปเรียกค่าอุปการะเลี้ยงดู ต้องฟ้องให้ศาลสั่งก่อน พ่อถึงจ่ายค่าเลี้ยงดู การที่ยื่นศาลเด็กไม่เสียผลประโยชน์ พ่อต่างหากที่ต้องเสียเงิน ถ้าขึ้นศาลต้องมีกำหนดชัดเจน นี่คือการทำเอกสารมัดตัวไมค์ ส่วนอำนาจการปกครองลูก ต้องให้ศาลพิจารณา แต่ส่วนใหญ่ศาลจะให้ปกครองร่วมกัน และที่ไมค์ยื่นไป มีแค่ 2 ข้อ 1.ขอให้ศาลมีคำสั่งว่า ผู้ร้อง เป็นบิดาโดยกฎหมาย 2. ขอมีอำนาจปกครองร่วมกัน