ไม่พบผลการค้นหา
สื่อต่างประเทศระบุ เหตุการณ์ความรุนแรงในจังหวัดชายแดนภาคใต้ของไทยเกิดขึ้นหลายครั้งติดต่อกันช่วงส่งท้ายปี 2561 ขณะที่ภาครัฐเชื่อ-เป็นการตอบโต้ของกลุ่มติดอาวุธซึ่งถูกบุกปราบช่วงต้นเดือน ธ.ค.ที่ผ่านมา

เว็บไซต์เบอร์นามา/นิวส์สเตรทส์ไทม์ สื่อของมาเลเซีย รายงานสถานการณ์ความรุนแรงในจังหวัดชายแดนภาคใต้ของไทยว่าเกิดขึ้นติดต่อกันอย่างมีนัยสำคัญ นับตั้งแต่วันที่ 24 ธ.ค.เป็นต้นมา โดยมีการลอบยิงเจ้าหน้าที่รัฐ การก่อเหตุวางระเบิดรูปปั้นนางเงือกที่หาดสะมิหลา จ.สงขลา ตามด้วยการลอบวางระเบิดเสาไฟฟ้า และลอบยิงยานพาหนะ ทำให้เจ้าหน้าที่ทหารบาดเจ็บจำนวนหนึ่ง และข้าราชการหญิงเสียชีวิต 1 ราย

กระทรวงการต่างประเทศของมาเลเซียออกแถลงการณ์เตือนประชาชนมาเลเซียที่เดินทางมาท่องเที่ยวหรือพำนักอาศัยในจังหวัดชายแดนภาคใต้ของไทยให้ลงทะเบียนและรายงานตัวต่อสถานกงสุลของมาเลเซียในไทยทุกครั้ง รวมถึงต้องระมัดระวังสถานการณ์ความรุนแรงที่อาจจะเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ

ขณะเดียวกัน เว็บไซต์แชนแนลนิวส์เอเชีย สื่อของสิงคโปร์ รายงานอ้างอิงสำนักข่าวเอเอฟพี ซึ่งระบุว่า หลังจากเกิดระเบิดรูปปั้นนางเงือกที่ชายหาดขึ้นชื่อในจังหวัดสงขลาแล้ว ยังเกิดเหตุก่อกวนความสงบติดตามมาอย่างต่อเนื่องเข้าสู่วันที่ 4 โดยเมื่อวันที่ศุกร์ที่ 28 ธ.ค.มีเหตุการณ์เกิดขึ้นทั้งหมด 7 จุดใน 3 อำเภอของจังหวัดนราธิวาส โดยเป็นการลอบวางระเบิดและลอบยิง 

ทางด้าน พล.ต.ต.ดุษฎี ชูสังกิจ ผบก.ภ.จังหวัดนราธิวาส เปิดเผยกับเอเอฟพีว่า การก่อเหตุหลายระลอกอย่างต่อเนื่องของกลุ่มแบ่งแยกดินแดน เป็นการตอบโต้ที่เจ้าหน้าที่หน่วยความมั่นคงประสานกำลังบุกปราบฐานที่มั่นของกลุ่มก่อเหตุในนราธิวาส เมื่อวันที่ 12 ธ.ค.ที่ผ่านมา ขณะที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ประณามผู้ก่อเหตุ และให้กำลังใจแก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน

ส่วนเว็บไซต์เดอะวอชิงตันโพสต์ รายงานอ้างอิงสำนักข่าวเอพี ระบุว่า การก่อเหตุไม่สงบในจังหวัดชายแดนใต้ของไทยเกิดขึ้นต่อเนื่องในเวลาไม่กี่วันช่วงส่งท้ายปี อาจมีนัยเชิงสัญลักษณ์ แต่เจ้าหน้าที่ยังไม่สามารถติดตามจับกุมผู้กระทำผิดมาลงโทษตามกฎหมายได้

นับตั้งแต่ปี 2547 เป็นต้นมา มีผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ความรุนแรงในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ของไทยมากกว่า 7,000 รายแล้ว มีทั้งพลเรือน เจ้าหน้าที่รัฐ และทหารตำรวจ ทั้งชาวพุทธและมุสลิม