วันที่ 12 พ.ย. 2566 ที่ท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เปิดเผยผลการหารือกับ เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ถึงเรื่องส่วยสติ๊กเกอร์รถบรรทุก การตรวจสอบน้ำหนักรถบรรทุกบนโครงข่ายทางหลวงหลัก และเรื่องการตรวจสอบสภาพรถ
พล.ต.ท.จิรภพ กล่าวว่า นายกฯ ได้กำชับแนวทางแก้ปัญหาเรื่องรถบรรทุกน้ำหนักเกิน ด้วยนโยบายปรับให้หมด ในการประชุมกับตำรวจทางหลวง ตำรวจสอบสวนกลาง ตำรวจนครบาล กรมทาง และปลัดกระทรวงคมนาคม ได้หารือแนวทาง ดังนี้
1.ทุกภาคส่วนจะมีการตรวจจับอย่างชัดเจน กรมทางมีด่านช่างน้ำหนักถาวรทั่วประเทศ แต่มีปัญหาคือมีการหนีไม่เข้าด่าน ซึ่งตำรวจทางหลวงจะช่วยมาอุดช่องรั่วตรงนี้ หากมีการหลบเลี่ยงเข้าด่านจะมีการแจ้งตำรวจทางหลวงเพื่อสกัดจับ
2.คอลเซ็นเตอร์ของกรมทางหลวง และตำรวจทางหลวง หากมีการพบเห็นรถน้ำหนักเกิน ประชาชนสามารถแจ้งเบาะแส การทำงานที่ผ่านมาสามารถลดอัตราลดบรรทุกขนน้ำหนักเกินได้ 80% ซึ่งจะต้องมีการตรวจสอบและต้องแก้กฎหมายให้ลงโทษหนักขึ้น นี่คือแนวทางที่นายกฯ ได้สั่งการไว้
“ผลอาจจะไม่ดี 100% เหมือนแมวไล่จับหนู แต่ยืนยันอธิบดีกรมทาง ตำรวจทางหลวง เต็มที่ในการปราบปรามสกัดจับและลงมืออย่างจริงจัง ตำรวจนครบาลได้มีคำสั่งกำชับตำรวจตำรวจจราจร ให้ตรวจรถในกรุงเทพฯ ร่วมกับ กทม. ทุกอย่างจะมีทิศทางที่ดีขึ้น นี่ไม่ใช่เพียงการทำเพื่อให้เรื่องเงียบแล้วจบลงเราจะลงมือทำตลอดไป ให้มันจบที่รุ่นเรารุ่นเรา” พล.ต.ท.จิรภพ กล่าว
พล.ต.ท.จิรภพ ย้ำอีกว่า การแก้กฎหมายจะต้องให้ทางด้านกรมทางเป็นผู้แก้ เพราะตำรวจทางหลวงเป็นแค่ผู้ปฏิบัติเท่านั้น ส่วนการพัฒนาระบบเทคโนโลยี กรมขนส่งมี GPS ของรถบรรทุก นำมาวิเคราะห์รวมทั้งนำ ai ที่เป็นกล้องตรวจสอบรถบรรทุกที่คาดว่าจะน้ำหนักเกิน
ส่วนรายชื่อของผู้ประกอบการที่เข้าข่าย แม้ตอนนี้ยังไม่มี เพราะตนมองว่าไม่จำเป็น เราจะต้องกวาดจับให้หมด ไม่มีบริษัทใคร เป็นของใคร ไม่มีผู้มีอิทธิพลอยู่เหนือกฎหมาย นายกฯ ได้สั่งการให้จับให้หมด รับทราบทั้งตำรวจและกรมทาง