ไม่พบผลการค้นหา
ในที่ประชุม ครม. 22 ธ.ค. มีการพิจารณารายงานข้อสังเกตกมธ.กฎหมาย ผลศึกษาคำสั่ง-ประกาศ คสช.ดำเนินคดีพลเรือนต่อศาลทหาร ด้าน ‘กลาโหม’ ค้านข้อเสนอให้มีการตั้งคณะกรรมการอิสระเพื่อค้นหาความจริงเกี่ยวกับคำสั่ง คสช. เห็นว่า ไม่มีความจำเป็น

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม เป็นประธาน เมื่อวันที่ 22 ธ.ค. กระทรวงยุติธรรม ได้รายงานผลการพิจารณาศึกษา เรื่อง ผลกระทบจากประกาศ คสช. คำสั่ง คสช. และคำสั่งหัวหน้า คสช. ศึกษากรณีการดำเนินคดีต่อพลเรือนในศาลทหาร การจำกัดเสรีภาพ การแสดงออกและการจำกัดเสรีภาพสื่อมวลชน จากข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการการกฎหมาย การยุติธรรมและสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร ซึ่งเสนอต่อรัฐบาลเมื่อสมัยที่ ปิยบุตร แสงกนกกุล เป็นประธาน 

เรื่องดังกล่าว วิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี มอบหมายให้ กระทรวงยุติธรรม ได้ประชุมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ประกอบด้วย กระทรวงกลาโหม สำนักงานคณะกรมการกฤษฎีกา กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร(กอ.รมน.) สำนักงานตำรวจแห่งชาติ(สตช.) สำนักงานศาลยุติธรรม สำนักงานอัยการสูงสุด และกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ ได้ข้อสรุปก่อนรายงานต่อสภาผู้แทนราษฎร ดังนี้

การยกเลิกไม่ให้พลเรือนขึ้นสู่การพิจารณาของศาลทหาร

เห็นว่ากฎอัยการศึกเป็นกฎหมายที่ตราขึ้นไว้สำหรับประกาศใช้เมื่อมีเหตุจำเป็นเพื่อรักษาความสงบเรียบร้อยในบ้านเมืองและความมั่นคงของรัฐ เช่น ในกรณีเกิดสงคราม การจลาจล โดยในเขตที่ประกาศใช้กฏอัยการศึกเจ้าหน้าที่ฝ่ายทหารมีอำนาจเหนือเจ้าหน้าที่ฝ่ายพลเรือน และศาลทหารมีอำนาจพิจารณาพิพากษาเฉพาะคดีอาญาบางประเภทที่ประกาศระบุไว้แทนศาลพลเรือนเท่านั้นไม่ได้มีอำนาจในการพิจารณาพิพากษาทุกดดีความ

นอกจากนี้ การพิจารณาคดีในศาลทหารยังมีหลักปฏิบัติที่ไม่แตกต่างจากพลเรือน เนื่องจากนำประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาและกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาใช้ในการดำเนินกระบวนวิธีพิจารณาคดี รวมทั้งมีการคุ้มครองสิทธิต่างๆ ของพลเรือน เช่น สิทธิในการเข้าถึงทนายความ สิทธิในการได้รับการประกันตัว ดังนั้น จึงมีความจำเป็นคงกฎอัยการศึกไว้เพื่อรักษาความสงบเรียบร้อยของบ้านเมือง

อย่างไรก็ตาม หากมีข้อจำกัดในการเข้าถึงความยุติธรรมของประชาชนในศาลทหาร เช่น การที่จำเลยไม่มีสิทธิที่จะอุทธรณ์หรือฎีกาคำพิพากษาศาลทหารชั้นต้นต่อศาลที่ลำดับชั้นสูงขึ้นไป หรือการพิจารณาคดีที่ล่าช้ากระทบต่อสิทธิที่จะได้รับการพิจารณาคดีในเวลาที่เหมาะสมของจำเลย หน่วยงานที่เกี่ยวข้องอาจร่วมกันพิจารณาเพื่อหาทางแก้ไขร่วมกันต่อไป

กระทรวงยุติธรรม เห็นว่า หากจะให้ศาลทหารมีอำนาจโดยเด็ดขาดในการพิจารณาพิพากษาคดีแก่พลเรือน ควรกำหนดเฉพาะในความผิดอาญาบางประเภทที่กระทบต่อความมั่นคงของประเทศ เช่น ความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงของรัฐ ความผิดเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ความผิดเกี่ยวกับพระมหากษัตริย์

และในส่วนกฎอัยการศึกนั้นเห็นว่ายังคงเป็นกลไกทางกฎหมายที่ยังมีเหตุผลความจำเป็นของการมีไว้เพื่อรักษาความสงบเรียบร้อยของบ้านเมือง

ผลกระทบจากการจำกัดเสรีภาพสื่อมวลชน

เห็นว่า การพิจารณากำหนดมาตรการทางปกครองต่อผู้รับใบอนุญาตแต่ละราย มีการคำนึงถึงความเหมาะสมกับพฤติการณ์และผลกระทบที่เกิดจากการกระทำความผิดนั้น ซึ่งอยู่ภายใต้กระบวนการตามกฎหมาย รวมทั้งได้มีการเผยแพร่ข้อมูลต่อสาสารณชนให้รับทราบ อันเป็นการดำเนินงานตามมาตรการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารตามพระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ. 2540 ระเบียบว่าด้วยการรักษาความลับของทางราชการ พ.ศ. 2544 และระเบียบคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติว่าด้วยข้อบังคับการประชุมคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ พ.ศ. 2555 เพื่อให้ประชาชนสามารถตรวจสอบและสืบค้นข้อมูลที่ครบถ้วน ถูกต้อง ทันสมัย  ได้อย่างสะดวกและรวดเร็ว

กระทรงยุติธรรม เห็นว่า การเสนอให้ยกเลิกคำสั่งหัวหน้า คสช. ที่ 3/2558 เรื่อง การรักษาความสงบเรียบร้อยและความมั่นคงของชาติ เกี่ยวกับการกำหนดให้เจ้าพนักงานรักษาความสงบเรียบร้อยมีอำนาจในการสั่งห้ามการเสนอข่าว แม้จะยังไม่ถูกยกเลิก แต่โดยปัจจุบันไม่มีเจ้าพนักงานรักษาความสงบเรียบร้อยออกคำสั่งได้ ซึ่งทำให้คำสั่งไม่มีสภาพบังคับ ส่วนกรณีให้อำนาจหน่วยงานรัฐในการควบคุมและลงโทษสื่อ ซึ่งการดำเนินงานต่าง ๆ มีกระบวนการและกลไกทางกฎหมายที่เข้ามาควบคุมการพิจารณา การใช้อำนาจของหน่วยงานรัฐให้เป็นไปโดยสุจริตและได้ให้สิทธิแก่ผู้ได้รับผลกระทบจากการดำเนินการที่จะโต้แย้งการใช้อำนาจได้ตามกฎหมายอยู่แล้ว

รวมทั้งหากมีความจำเป็นจะต้องมีการพิจารณายกเลิกหรือแก้ไขประกาศ คสช. คำสั่ง คสช. หรือคำสั่งหัวหน้า คสช. จะต้องดำเนินการโดยกระทำเป็นพระราชบัญญัติ เว้นแต่ประกาศหรือคำสั่งมีลักษณะเป็นการใช้อำนาจทางบริหาร การยกเลิกให้กระทำโดยคำสั่งนายกรัฐมนตรี หรือมติคณะรัฐมนตรี

รัฐประหารปิยบุตร-รัฐประหาร สภา

ผลกระทบจากการจำกัดเสรีภาพการแสดงออกของประชาชน

การเสนอให้ยกเลิกประกาศ คสช. คำสั่ง คสช และคำสั่งหัวหน้า คสช. ปัจจุบันได้มีพระราชบัญญัติหลักเกณฑ์การจัดทำร่างกฎหมายและการประเมินผลสัมฤทธิ์ของกฎหมาย พ.ศ. 2562 ได้กำหนดหลักการและแนวทางในการเสนอกฎหมายและการปรับปรุงแก้ไขหรือยกเลิกกฎหมายไว้แล้ว ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอาจพิจารณาเหตุผล ความจำเป็นและดำเนินการตามขั้นตอนของพระราชบัญญัติดังกล่าวเพื่อนำไปสู่การยกเลิกประกาศ คสช. คำสั่ง คสช. และคำสั่งหัวหน้า คสช. และในส่วนของการแก้ไขกฎหมายเป็นเรื่องของฝ่ายนิติบัญญัติจะต้องพิจารณาดำเนินการ หากกมีการแก้ไขหน่วยงานที่เกี่ยวข้องย่อมจะต้องพิจารณาและดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมายนั้นต่อไป

รวมทั้งการเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบจากประกาศหรือคำสั่งดังกล่าวโดยมีพระราชบัญญัติค่าตอบแทนผู้เสียหาย และค่าทดแทนและค่าใช้จ่ายแก่จำเลยในคดีอาญา พ.ศ. 2544 กำหนดหลักเกณฑ์ไว้แล้ว

กระทรวงยุติธรรม เห็นว่า การจำกัดเสรีภาพการแสดงออก เมื่อพิจารณาถึงประกาศ คสช. คำสั่ง คสช. หรือคำสั่งหัวหน้า คสช. ที่เกี่ยวกับการจำกัดเสรีภาพการแสดงออกของประชาชนจะมีการแบ่งประเภทของการจำกัดเสรีภาพการแสดงออกของประชาชน เป็น 3 ประเภท คือ การห้ามชุมนุมทางการเมือง การฝ่าฝืน หรือไม่ปฏิบัติตามคำสั่งเรียกบุคคลให้มารายงานตัวและการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขการปล่อยตัว ซึ่งประกาศและคำสั่งดังกล่าวได้มีการยกเลิกไปแล้วบางฉบับ และปัจจุบันได้มีประกาศเลิกใช้กฎอัยการศึก ประกาศ คสช. คำสั่ง คสช. หรือคำสั่งหัวหน้า คสช. เรื่อง ห้ามชุมนุมทางการเมืองดังกล่าวแล้ว

ส่วนข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการ ที่เสนอให้มีการตั้งคณะกรรมการอิสระเพื่อค้นหาความจริงนั้น กระทรงกลาโหม เห็นว่า ไม่มีความจำเป็น เนื่องจากสามารถใช้วิธีการทางปกติในภาคการเมือง สื่อสารมวลชน และภาคประชาชนช่วยกันตรวจสอบหรือค้นหาความจริงได้