ไม่พบผลการค้นหา
ประเสริฐ จันทรรวงทอง ส.ส.นครราชสีมา พรรคเพื่อไทย ขึ้นต้นด้วยการบ่นเสียดายเวลา 8 ปี หากได้ชัชาติ สิทธิพันธุ์ หรือ ชัยเกษม นิติศิริ แคนดิเดทของพรรคเพื่อไทย บ้านเมืองน่าจะไม่เป็นเช่นนี้ เกษตรกรน่าจะไม่ลำบากเช่นนี้

ประเสริฐจั่วหัวเพื่ออภิปรายนายกฯ และลามไปถึง ‘เอนก เหล่าธรรมทัศน์’ รมว.อุดมศึกษาฯ เนื่องด้วยพบว่ามีการใช้งบกลาง 2,051 ล้านบาทไปในการอบรมเกษตรกรในช่วงสถานการณ์โควิด โดยการอนุมัติงบกลางก้อนใหญ่ๆ นั้นนายกฯ ต้องเป็นคนอนุมัติ

เขาระบุว่า ข้อพิรุธที่สำคัญคือ พล.อ.ประยุทธ์ไม่สนใจข้อทักท้วงของสำนักงบประมาณซึ่งส่งมาก่อนการอนุมัติงบกลางให้กระทรวงอุดมศึกษาฯ ข้อท้วงติงสรุปได้ว่า

1.ผิดกฎหมายฮั้ว เพราะไม่มีการจัดให้มีการประมูลประกวดราคา จัดจ้างเฉพาะพวกพ้องตัวเอง

2.ผิดมติ ครม.17 ก.พ.2552 เพราะไม่ใช่เรื่องเร่งด่วน ตัวอย่างโครงการที่อนุมัติ เช่น การอบรมการเพาะเห็ด การอบรมการใช้ประโยชน์จากกัญชา

3.โครงการซ้ำซ้อนกับหน่วยงานอื่นของรัฐ เพราะเรื่องเหล่านี้ควรอยูในกระทรวงเกษตรฯ  

ประเสริฐบอก การอนุมัติก็รวดเร็วปานสายฟ้า ยื่นเรื่องขอรับการสนับสนุนวันที่ 19 เม.ย. ได้รับอนุมัติ 20 เม.ย.65 ไม่ต้องรอฟังความเห็นหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก่อน จึงสรุปได้ว่า "วันเดียวจบ ตอนแทนนกหวีด" เพราะพรรคพวกอุตส่าห์ออกมาเป่านกหวีด แม้จะตั้งเป็นรัฐมนตรีแล้วก็ยังไม่หนำใจ ยังสนับสนุนงบไปตบรางวัลให้เพิ่มเติม

ส.ส.โคราชคนนี้ระบุว่า ปี 2563-2565 กระทรวงอุดมศึกษาฯ ได้รับงบพิเศษ 30,639 ล้านบาท เป็นงบกลางวงเงิน 6,194 ล้านบาท, งบเงินกู้ปี 63 จำนวน 13,021 ล้านบาท, งบเงินกู้ปี 63 จำนวน 11,432 ล้าน

ส่วนงบกลางล่าสุดที่ได้ไป กว่า 2,000 ล้านบาทนั้น กระทรวงอุดมศึกษา แบ่งให้ 4 มหาวิทยาลัยจัดทำโครงการอบรม ได้แก่ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม 717 ล้าน, มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน 358 ล้าน, มหาวิทยาลัยแม้โจ้ 560 ล้าน, มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม 408 ล้าน

“ครม.ทั้งคณะต้องรับผิดชอบเพราะอนุมัติภายในวันเดียวสำหรับโครงการนี้ ซึ่งเกิดเงินทอนโดยประมาณ 1,600 ล้านบาท” ประเสริฐกล่าว

เขายังระบุด้วยว่า ผู้บริหารมหาวิทยาลัยแม่โจ้เคยโฟนอินเข้ามาชี้แจงในกมธ.ติดตามการใช้งบประมาณของสภา ระบุว่าไม่ประสงค์จะรับงบประมาณ โครงการดังกล่าวมีพิรุธมากมาย ส่อไปในทางทุจริต ประเสริฐยังกล่าวหาว่ามี ‘นายส.ปากเสีย’ มือจุดบุหรี่ไฟฟ้า ข้าราชการการเมืองคนใกล้ชิดพล.อ.ประยุทธ์ ตามไปติดต่อขอรับผลประโยชน์จากงบดังกล่าวของทุกมหาวิทยาลัย

ประเสริฐยกตัวอย่างเฉพาะกรณีมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน ที่ได้งบ 358 ล้านบาทว่า จัดทำโครงการ ‘ถ่ายทอดเทคโนโลยีนวัตกรรมและสมุนไพร’ เมื่อดูไส้ในพบว่าเป็นการอบรมการปลูกเห็ด อบรมพืชสมุนไพรและส่งเสริมการใช้กัญชา ส่วนผู้เข้าร่วมนั้นสมาชิกพรรค พปชร. คนหนึ่งเป็นคนหาคนเข้าร่วมอบรม อบรมกันวิทยาลัยเกษตรกรรม อ.สีคิ้ว เอกสารใช้จ่ายงบประมาณอบรมนี้ระบุวา มีค่าวิทยากรภาคบรรยาย ภาคปฏิบัติ ค่าอาหาร 4 มื้อ เบรค 4 มื้อ ค่าเอกสาร ค่าเช่าที่พัก 1 คืน  ค่าวัสดุ ค่าสนับสนุนปัจจัยการผลิต รวม 200 กว่าล้าน มีค่าบริหารโครงการ 18 ล้าน และยังมีค่าบำรุงมหาวิทยาลัยอีก 15 ล้านซึ่งไม่เคยงบแบบนี้มาก่อน

ประเสริฐแจกแจงว่า ในทางปฏิบัติจริง ผู้รับการอบรมบอกไม่มีเอกสาร ไม่มีการจัดให้ผู้อบรมได้นอนค้างคืน แต่มีเก็บสำเนาบัตรประชาชนคนอบรม ส่วนค่าสนับสนุนปัจจัยการผลิตที่ระบุว่าต้องได้คนละ 9,000 บาทก็ไม่ได้  ขณะนี้อบรมประชาชนไปแล้ว 10,000 คน

“การอบรมครั้งนี้ต้องเป็นเกษตรกร วิสาหกิจชุมชน แต่ในความเป็นจริงมีการเกณฑ์ ใครก็ได้ ไม่ใช่กลุ่มเป้าหมาย คนอบรมหนึ่งคนต้องได้ผลประโยชน์ 9,000 กว่าบาท แต่ความจริงมีการจ่ายเงิน 400 บาทกับข้าว 1 กล่องเท่านั้น และไม่เคยมีการประเมินประสิทธิผลของโครงการด้วย”  

ประเสริฐระบุด้วยว่า หลังการอภิปรายจะยื่นคำร้องไป ป.ป.ช. ต่อไป

เอนก เหล่าธรรมทัศน์ รมว.กระทรวงอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวตกรรม ชี้แจงว่า งบกลางมีไว้เพื่อใช้แก้ปัญหาเร่งด่วน ทุกหน่วยงานของทุกกระทรวงสามารถขอได้ ส่วนที่ไม่ได้ดำเนินการแบบมีการประมูลงาน ไม่ได้หมายความว่าไม่ได้แข่งขัน ไม่ใช้ ความดี-ความงาม-ความถูกต้องมาพิจารณา มันก็มีหลักเกณฑ์ กติกา จำนวนไม่น้อย

นอกจากนี้ก็ไม่ได้ดำเนินกิจกรรมซ้ำซ้อนกับกระทรวงเกษตรฯ หัวหน้าโครงการเป็นแพทย์แผนไทย ทำเรื่องกัญชากับสมุนไพร ส่วนเรื่องเพาะเห็ดนั้นไม่ใช่การเพาะเห็นแบบทั่วไป แต่เพาะเห็ดที่มีนวัตกรรมสามารถผลิตเห็ดได้อย่างต่อเนื่องในปริมาณเยอะ สิ่งที่เป็นนวัตกรรมจึงเป็นงานของ อว. ถามว่าเรื่องนี้เป็นปัญหาเร่งด่วน ตรงนี้มีคณะพิจารณาอยู่แล้ว ในสภาพที่โควิดระบาด คนกลับบ้านแล้วว่างงานกันเยอะ จึงคิดดครงการนี้ขึ้นมา และไม่ได้ทำลุกลี้ลุกลน อว.ได้รับข้อเสนอจากมหาวิทยาลัยแม่โจ้ตั้งแต่ ก.พ. กว่าจะเข้าครม.ก็เดือน เม.ย. มีการขอข้อมูลต่างๆ มากมาย

กรณีที่บอกวา อบรมจริงแค่ 4 ชม.จากที่เขียนไว้ 12 ชม. แล้วก็หารเฉลี่ยหักลบกับงบแล้วสรุปเป็นจำนวนเงินที่ทุจริต เรื่องนี้ก็ “ว่าไปได้เรื่อยๆ”  เรื่องปัจจัยการผลิตที่บอกจะแจกแล้วไม่ได้แจกเลยสรุปทุจริตทั้งหมด จริงๆ แล้วเป็นแค่ข้อสันนิษฐาน เป็นสมมติฐาน ยังไม่ได้เกิด

“ที่บอกยังไม่ได้เกิด เพราะเอาเรื่อง 4 มหาลัยมานับรวมกันแล้วกล่าวหาว่ามีการทุจริตทั้ง 4 แห่ง ฟังดูมันน่าตกใจ แต่จริงๆ แล้ว 4 มหาวิทยาลัย เพิ่งมีของมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสานที่ทำไปจริงๆ เพิ่งจะทำอยู่เดือนกว่าเท่านั้น ส่วนของแม้โจ้ยังไม่ได้เริ่มทำ ยังไม่ได้เอาเงินไปใช้ ราชภัฏมหาสารคามก็เพิ่งเริ่มทำต้น ก.ค.นี้เอง”

“เฉพาะมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน บอกว่ามีคอร์รัปชัน ไม่แจกปัจจัยการผลิต จริงๆ แล้วเรายังไม่ได้ถึงขั้นจะให้ปัจจัยการผลิต เพิ่งอบรมเพียงไม่กี่รุ่น ราว 8,000 เท่านั้น เราจะอบรม 38,000 คน ยังไม่ถึงเวลาจ่ายปัจจัย เวลานี้กำลังประมูลอีบิดดิ้ง ถ้าได้เมื่อไรค่อยส่งปัจจัยการผลิตแก่ผู้รับการอบรม ส่วนเรื่องค่าอาหารสี่มื้อ รับจริงหนึ่งมื้อ ไม่มีพักค้างคืน ถ้าไม่ได้ทำจริงต้องคืนเงินสำนักงบหมด ถ้าไม่คืนก็ค่อยถือว่าทุจริต แต่มันเพิ่งทำงานได้เดือนกว่าเท่านั้น”

ณัฐวุฒิ บัวประทุม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล เสริมในเรื่องนี้ว่า ในจังหวัดพะเยา ได้รับโครงการนี้จากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสานเช่นกัน มี 88 วิสาหกิจชุมชนที่ไปรับการอบรมและมีการรับปากว่าจะให้ 120,000 บาทต่อชุมชน แต่สิ่งที่เกิดขึ้นจริงคือ ได้สมุนไพรนิดเดียว และไก่อีก 60 ตัว ชาวบ้านไปร้องผู้ว่าฯ พะเยา เขาร้องเรียนเจ้าของโครงการที่มีการอบรมกันแบบนี้ 17 จังหวัดภาคเหนือ