วันที่ 5 ก.ค. 2566 ผู้สื่อข่าวได้รับการเปิดเผยจากแหล่งข่าวผู้ใกล้ชิดกับพระวิระชัย เมตตาธีโร หรือ พล.ต.อ.วิระชัย ทรงเมตตา อดีตรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ว่า เมื่อวันที่ 3 ก.ค.ที่ผ่านมา พระวิระชัย ได้ตัดสินใจถอนฟ้อง พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา อดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ต่อศาลอาญาทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ในความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91,157 ฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบฯ เรียกค่าเสียหาย 500 ล้านบาท ซึ่งขณะนี้คดีอยู่ในชั้นอุทธรณ์แล้ว

นอกจากนี้พระวิระชัย ยังได้ถอนฟ้อง พล.ต.ท.สมชาย พัชรอินโต พล.ต.ต.นพพร ศุภพัฒน์ พล.ต.อ.ชนสิษฐ์ วัฒนวรางกูร กับพวกอีก 8 นาย ที่ยื่นฟ้องไว้ต่อศาลอาญาทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง รวมทั้งถอนฟ้อง พ.ต.อ.เกริกศิษฐ์ เนียมนัตฐ์ ที่ยื่นฟ้องไว้ต่อศาลแขวงพระนครเหนือ

พระวิระชัย ให้เหตุผลในการถอนฟ้องว่า เนื่องจากประสงค์ถือวัตรปฏิบัติตามเพศบรรพชิตอย่างแท้จริง ไม่ต้องการผูกเวรอีกต่อไป มุ่งหมายที่จะให้อภัยและอโหสิกรรมแก่ผู้ที่เกี่ยวข้องทุกฝ่าย โดยต้องการปล่อยวางเรื่องราวต่างๆ สละเสียซึ่งความโลภ โกรธ หลง เพื่อเป็นหนทางสู่การปฏิบัติในทางธรรมอย่างแท้จริงต่อไป

สำหรับ พระวิระชัย หลังหลังพ้นข้อกล่าวหาอัดคลิปเสียงจนกลับเข้าดำรงตำแหน่งรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ภายหลังเกษียณอายุราชการได้อุปสมบทตั้งแต่วันที่ 2 ตุลาคม 2565 ได้รับฉายา “เมตตาธีโร” อยู่ที่วัดพุทธะเมตตาบุญญานุภาพ อ.เถิน จ.ลำปาง โดยผ่านการบวชเรียนซ้ำไปซ้ำมาหลายครั้ง จนล่าสุดเป็นครั้งที่ 15 และได้ตัดสินใจ “ไม่สึก” โดยได้กล่าวต่อหน้าหน้าพระธรรมทูตต่างประเทศ รุ่นล่าสุด ที่มหาวิทยาลัยจุฬาลงกรณ์ราชวิทยาลัย ว่า “เรามีความรู้สึกว่าอยู่ในผ้าเหลือง มีความสุขแล้ว สุขกว่าอยู่ทางโลกเยอะเลย เพิ่งมาค้นพบอย่างถ่องแท้ว่า การบวชเป็นพระ และปฏิบัติธรรมตามแนวสติปัฏฐาน 4 เป็นช่วงชีวิตที่มีความสุขที่สุด ไม่ต้องดิ้นรนไปอยู่ในทางโลก”