จากกรณี ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ ส.ส.กทม. และโฆษกพรรคเพื่อไทย ระบุว่า สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 และการเพิ่มขึ้นของผู้ติดเชื้อสายพันธุ์โอมิครอนที่เพิ่มขึ้น กังวลว่ารัฐบาลจะไม่สามารถป้องกันและรับมือกับสถานการณ์การระบาดได้
ล่าสุดวันที่ 8 ม.ค. 2565 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีนี้ว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นผู้บริหารสถานการณ์โควิด-19 ของไทยตั้งแต่โควิด-19 ถูกประกาศให้เป็นโรคระบาดใหม่ รวมทั้งมีมาตรการเยียวยา บรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนที่ได้รับผลกระทบทุกกลุ่ม จนไทยได้รับการยกย่องให้เป็นประเทศที่มีความแข็งแกร่งของระบบสาธารณสุข อันดับ 5 ของโลก
ธนกรกล่าวอีกว่าทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีทำงานเชิงรุกทั้งป้องกันและเตรียมรับสถานการณ์ ไม่ว่าจะเป็นด้านสาธารณสุข เตียงผู้ป่วย ยา เวชภัณฑ์ และบุคลากรทางการแพทย์ ให้สอดคล้องกับสถานการณ์การแพร่ระบาด รวมถึงเร่งจัดหาวัคซีน ทำให้จำนวนผู้รับวัคซีนสะสม ตั้งแต่วันที่ 28 ก.พ. - 31 ธ.ค. 2564 อยู่ที่ 104,444,169 โดส ในพื้นที่ 77 จังหวัด
"ดังนั้น การกระทำเป็นเครื่องพิสูจน์ให้เห็นว่า นายกรัฐมนตรีและรัฐบาล รวมถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ไม่ได้นิ่งนอนใจ เพิกเฉยต่อการระบาด ติดตามประเมินผลอยู่เสมอ ไม่มีทางที่จะปล่อยให้สถานการณ์บานปลายเหมือนที่โฆษกพรรคเพื่อไทยกังวลแน่นอน" ธนกรกล่าว
สำหรับกรณีที่โฆษกพรรคเพื่อไทยระบุว่า พล.อ.ประยุทธ์ ควบรวมอำนาจการบริหารไว้เพียงคนเดียว และไม่สามารถบริหารจัดการได้นั้น ธนกรกล่าวว่า นายกรัฐมนตรีไม่เคยคิดควบรวมอำนาจการบริหารไว้คนเดียว แต่ละกระทรวงมีรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกำกับดูแลอยู่แล้ว ตลอดเวลาที่ผ่านมา นายกรัฐมนตรีใช้การบูรณาการงานของทุกส่วนราชการเพื่อแก้ไขปัญหาให้กับประเทศชาติและประชาชนมาตลอด ส่วนกรณีที่ระบุว่า ใช้งบประมาณแผ่นดินไป 25 ล้านล้านบาท กู้เงินรวมกว่า 5 ล้านล้านบาท หนี้สาธารณะกว่า 9 ล้านล้านบาท แต่คุณภาพชีวิตคนไทยกลับแย่ลงทุกวันนั้น
ธนกรยืนยันว่า การใช้งบประมาณแผ่นดินเป็นไปตามกรอบงบประมาณ ภายใต้ข้อกฎหมายที่กำหนด โดยรัฐบาลมุ่งใช้งบประมาณอย่างคุ้มค่าและเกิดประโยชน์สูงสุดต่อประชาชน ที่สำคัญ ต้องไม่เกิดการทุจริตคอรัปชั่นเหมือนรัฐบาลที่ผ่านมา
"โควิด-19 สร้างผลกระทบทั่วโลก ไม่เพียงแต่ประเทศไทย รัฐบาล ศบค. บุคลากรทางการแพทย์ อสม. รวมถึงภาคสังคม ประชาชน และสื่อมวลชน ต่างร่วมมือกันในการป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาด หวังว่าโฆษกพรรคเพื่อไทย รวมถึงคนเห็นต่างกับรัฐบาล จะหยุดกล่าวหา หยุดซ้ำเติมให้ประเทศชาติและประชาชนเสียหายไปมากกว่านี้ อย่าทำเหมือนสุภาษิตที่ว่า มือไม่พาย เอาเท้าราน้ำ ควรร่วมมือกันก้าวผ่านวิกฤตนี้ไปให้ได้" ธนกรกล่าว