ไม่พบผลการค้นหา
วอยซ์ถอดความเต็มภาษาไทย บทประพันธ์ 'เนินเขาที่เราข้าม' ของหญิงสาววัย 22 ปี ในพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่ง ปธน.สหรัฐฯ คนที่ 46 ของ 'โจ ไบเดน'

ท่ามกลางพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนที่ 46 ของ 'โจ ไบเดน' หญิงสาววัย 22 ปี ผู้แต่งกายด้วยเสื้อโค้ชสีเหลืองสดใสพร้อมบทกวีซึ่งการคงไว้และฟื้นฟูประชาธิปไตยแห่งดินแดนของอเมริกันชน ได้สร้างความประทับใจไม่แพ้สุนทรพจน์ของผู้นำประเทศ

'อแมนดา กอร์แมน' เจ้าของรางวัลกวีเยาวชนแห่งชาติของสหรัฐฯ นับเป็นนักกวีอายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์ ที่ได้รับเกียรติร่วมพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีของประเทศ ตามรอยเท้ากวีดังอย่าง 'โรเบิร์ต ฟรอสต์' 'มายา แองเจลู' และ 'มิลเลอร์ วิลเลียมส์' 

ในห้วงเวลาประวัติศาสตร์นี้ บทกวีที่อแมนดาประพันธ์ ถูกตั้งชื่อว่า 'The Hill We Climb.' ถอดความเป็นไทยได้ว่า 'เนินเขาที่เราข้าม' ซึ่ง 'วอยซ์' ขอใช้โอกาสตรงนี้ถอดความบทกวีความยาวราว 5.30 นาที ของเธอออกมาเป็นภาษาไทยให้ผู้อ่านทุกคนได้เข้าใจถึงสารที่หญิงสาววัย 22 ปีต้องการจะเอื้อนเอ่ย


บทกวีประชาธิปไตย : 'เจ็บปวด' แต่ 'เติบใหญ่'

'The Hill We Climb.'

'เนินเขาที่เราข้าม'


When day comes we ask ourselves,

where can we find light in this never-ending shade?

เมื่อห้วงเวลาเดินมาถึง เราถามตนเองว่า

เราจะหาแสงสว่างได้จากที่ใดท่ามกลางความมืดมิดไร้จุดสิ้นสุดนี้


The loss we carry,

a sea we must wade

ความสูญเสียที่เราแบกไว้

ท้องทะเลที่เราต้องฝ่าไป


We've braved the belly of the beast 

We've learned that quiet isn't always peace

เราทะลุผ่านใจกลางอสูรร้าย

เราเรียนรู้ว่าความเงียบไม่ใช่สันติภาพเสมอไป 


And the norms and notions

of what just is

Isn't always just-ice

บรรดาบรรทัดฐานและชุดความคิด

ของสิ่งที่เป็นอยู่

ไม่ใช่ความยุติธรรมเสมอไป


And yet the dawn is ours

before we knew it

Somehow we do it

Somehow we've weathered and witnessed

แต่รุ่งอรุณยังเป็นของเรา 

ตั้งแต่ก่อนที่เราจะรู้ตัว

รุ่งอรุณเป็นของเรา ด้วยวิธีใดสักอย่าง

เราได้ผ่านพ้นและเฝ้าสังเกต ด้วยวิธีใดสักอย่าง


a nation that isn't broken

but simply unfinished

ถึงประเทศที่ไม่ได้แตกสลาย

เพียงแต่ยังไม่สมบูรณ์


We the successors of a country and a time

Where a skinny Black girl

descended from slaves and raised by a single mother

can dream of becoming president

only to find herself reciting for one

เราในฐานะผู้สืบทอดประเทศและเวลา

ที่เด็กหญิงผิวดำผอมแห้ง

ผู้สืบเชื้อสายจากทาสและเติบใหญ่จากแม่เลี้ยงเดี่ยว

สามารถฝันจะขึ้นเป็นประธานาธิบดี

เพื่อค้นพบว่าวันหนึ่ง เธอจะได้มาอ่านบทกวีในพิธีสาบานตน


And yes we are far from polished

far from pristine

จริงอยู่ที่เรายังห่างไกลจากการไร้มลทิน

ห่างไกลจากความบริสุทธิ์


but that doesn't mean we are

striving to form a union that is perfect

แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าเรา

กำลังมุ่งมั่นเพื่อสร้างสังคมที่สมบูรณ์


We are striving to forge a union with purpose

To compose a country committed 

to all cultures, colors, characters and conditions of man

เรากำลังมุ่งมั่นเพื่อหลอมรวมประเทศที่มีจุดหมาย

เพื่อจัดวางองค์ประกอบของชาติ 

ให้เหมาะสมกับทุกวัฒนธรรม ทุกสีผิว ทุกบุคลิกและเงื่อนไขของผู้คน


And so we lift our gazes not to what stands between us

but what stands before us

เราพลันเงยหน้าเพื่อมอง ไม่ใช่มองสิ่งที่กั้นขวางระหว่างกัน 

แต่เพื่อมองสิ่งที่ยืนอยู่ข้างหน้าพวกเรา


We close the divide because we know, to put our future first,

we must first put our differences aside

เรายุติการแบ่งแยก เพราะเราตระหนักว่าเมื่อเอาอนาคตเป็นที่ตั้ง

เราต้องเริ่มจากวางความแตกต่างเอาไว้


We lay down our arms

so we can reach out our arms

to one another

เราผ่อนแขนของเราลง

เพื่อจะยืดมันออกไป

จับซึ่งกันและกัน


We seek harm to none and harmony for all

Let the globe, if nothing else, say this is true:

เราหันหลังต่อการทำร้ายผู้คนและเลือกมุ่งสู่สันติภาพส่วนรวม

อย่างน้อยที่สุด จงให้โลกเอื้อนเอ่ย ว่าสิ่งต่อไปนี้เป็นความจริง:


That even as we grieved, we grew

That even as we hurt, we hoped

That even as we tired, we tried

That we'll forever be tied together, victorious

แม้ยามที่เราทุกข์ทน เรายังเติบโต

แม้ยามที่เราเจ็บปวด เรายังคาดหวัง

แม้ยามที่เราเหนื่อยอ่อน เรายังพยายาม

เราจะผูกเป็นหนึ่งเดียวกันตลอดไป อย่างผู้มีชัย


Not because we will never again know defeat

but because we will never again sow division

นั่นไม่ใช่เพราะเราจะไม่แพ้อีกในอนาคต 

แต่เพราะเราจะไม่หว่านเมล็ดพันธุ์แห่งความแบ่งแยกอีกต่อไป


Scripture tells us to envision

that everyone shall sit under their own vine and fig tree

And no one shall make them afraid

พระคัมภีร์บอกให้เรานึกภาพตาม

เมื่อทุกคนสามารถนั่งอยู่ใต้ต้นองุ่นและต้นมะเดื่อ

แบบไม่มีผู้ใดสามารถทำให้เขาเหล่านั้นรู้สึกหวาดกลัว


If we're to live up to our own time

Then victory won't lie in the blade

But in all the bridges we've made

หากจะดำเนินชีวิตในห้วงเวลาของเราให้ดี

ชัยชนะไม่อาจได้มาจากหอกดาบแหลมคม

แต่มาจากสะพานทั้งหมดที่เราสร้าง


That is the promise to glade

The hill we climb

If only we dare

นั่นคือพันธะสัญญาเพื่อความรุ่งโรจน์

เป็นเนินเขาที่เราข้าม

หากเพียงเรามีความกล้ามากพอ


It's because being American is 

more than a pride we inherit,

it's the past we step into

and how we repair it

นั่นเป็นเพราะการเป็นอเมริกันชน

คือสิ่งที่มากกว่าความภูมิใจที่ถูกส่งผ่านจากบรรพบุรุษ

มันคืออดีตที่เรากำลังก้าวเข้าสู่

และวิธีการที่เราเลือกแก้ไข


We've seen a force that would shatter our nation

rather than share it

เราได้เห็นกองกำลังที่เกือบบ่อนทำลายประเทศชาติ

แทนที่จะร่วมกันแบ่งปัน


Would destroy our country 

if it meant delaying democracy

And this effort very nearly succeeded

ประเทศชาติอาจถูกทำลาย 

หากประชาธิปไตยถูกผลักไสให้ไกลออกไป

และความพยายามนั้นเกือบสำเร็จแล้ว


But while democracy can be periodically delayed

it can never be permanently defeated

แต่บางคราวที่ประชาธิปไตยอาจถูกผลักไสให้ล่าช้าออกไป

ประชาธิปไตยจะไม่มีวันพ่ายแพ้อย่างถาวร


In this truth

in this faith we trust

ในความสัตย์นี้

ในศรัทธาที่เรายึดถือ


For while we have our eyes on the future

history has its eyes on us

ขณะที่เราเพ่งมองไปยังอนาคต

ประวัติศาสตร์กำลังจับจ้องเราเช่นเดียวกัน 


This is the era of just redemption

We feared at its inception

นี่คือยุคสมัยของการไถ่บาป

เราอาจหวาดกลัว ณ จุดเริ่มต้น


We did not feel prepared to be the heirs

of such a terrifying hour

เราอาจรู้สึกไม่พร้อมจะกลายเป็นทายาท

แห่งโมงยามอันน่าหวาดหวั่น 


but within it we found the power

to author a new chapter

To offer hope and laughter to ourselves

ณ ใจกลางความกลัวนั้น เรากลับพบซึ่งขุมพลัง

เพื่อประพันธ์เรื่องราวบทใหม่ 

เพื่อมอบความหวังและเสียงหัวเราะให้กับตัวเราเอง


So while once we asked,

how could we possibly prevail over catastrophe?

Now we assert

How could catastrophe possibly prevail over us?

ดังนั้น ขณะที่เราเคยตั้งคำถามว่า

เราต้องใช้หนทางใดเพื่อก้าวผ่านหายนะนี้

บัดนี้เราถามใหม่ว่า

หายนะนี้จะมีอำนาจเหนือเราได้อย่างไร 


We will not march back to what was

but move to what shall be

เราจะไม่เดินย้อนกลับไปยังอดีตที่เคยเป็น

เราจะก้าวเดินสู่สิ่งที่ควรเป็น


A country that is bruised but whole,

benevolent but bold,

fierce and free

ประเทศชาติที่ได้รับบาดเจ็บแต่เป็นหนึ่งเดียว

มีจิตเมตตาแต่มีใจเด็ดเดี่ยว

เข้มแข็งและเป็นอิสระ 


We will not be turned around

or interrupted by intimidation

because we know our inaction and inertia

will be the inheritance of the next generation

เราจะไม่หันหลังกลับ

หรือหยุดชะงักจากคำข่มขู่

เพราะเรารู้ว่าความเฉยชาและการนิ่งงัน

จะกลายเป็นมรดกตกทอดสู่รุ่นถัดไป


Our blunders become their burdens

But one thing is certain:

ความผิดพลาดของเราจะกลายเป็นภาระพวกเขา

แต่มีหนึ่งสิ่งที่จริงแท้แน่นอน


If we merge mercy with might,

and might with right,

then love becomes our legacy

and change our children's birthright

หากเราผสานรวมความปราณีและอำนาจ

อำนาจเข้ากับความถูกต้อง

เมื่อนั้นความรักจะกลายเป็นมรดกที่เราส่งต่อ

และเปลี่ยนสิทธิแต่กำเนิดของลูกหลานเรา 


So let us leave behind a country

better than the one we were left with

ดังนั้นจงร่วมกันส่งต่อประเทศชาติ

ให้อยู่ในสถานะที่ดีกว่าสิ่งที่เรารับมา 


Every breath from my bronze-pounded chest,

we will raise this wounded world into a wondrous one

ทุกลมหายใจจากหน้าอกกระเพื่อมราวสัมฤทธิ์ของฉัน

เราจะยกระดับโลกที่เต็มไปด้วยบาดแผลให้กลายเป็นสถานที่มหัศจรรย์


We will rise from the gold-limbed hills of the west,

we will rise from the windswept northeast

where our forefathers first realized revolution

เราจะก้าวสูงขึ้นจากเนินเขาชาวเหมืองทองฝั่งตะวันตก

เราจะก้าวสูงขึ้นจากสายลมแห่งอีสานทิศ

ณ ดินแดนซึ่งบรรชนปฏิวัติเป็นผลสำเร็จ


We will rise from the lake-rimmed cities of the midwestern states,

we will rise from the sunbaked south

เราจะก้าวสูงขึ้นจากหมู่เมืองทะเลสาบแห่งรัฐมิดเวสต์

เราจะก้าวสูงขึ้นจากดินแดนอาบแดดทางตอนใต้


We will rebuild, reconcile and recover

and every known nook of our nation and

every corner called our country,

our people diverse and beautiful will emerge,

battered and beautiful

เราจะสรรค์สร้างใหม่ ปรองดอง และร่วมฟื้นฟู

ทุกซอกซอยอันและทุกหัวมุมถนนของชาติ

จะถูกขนานามภายใต้ประเทศหนึ่งเดียว

ผู้คนเต็มไปด้วยความหลากหลาย และความงามจะผลิดอก

สะบักสะบอมและงดงาม


When day comes we step out of the shade,

aflame and unafraid

เมื่อวันนั้นมาถึงเราจะย่างก้าวออกมาจากความมืดมิด

โชติช่วงและไร้ความกลัว


The new dawn blooms as we free it

For there is always light,

รุ่งอรุณจะเบิกฟ้าเมื่อเราปล่อยให้มันมีอิสรภาพ 

เพราะแสงสว่างย่อมมีเสมอ


if only we're brave enough to see it

If only we're brave enough to be it

หากเพียงแต่เรากล้าพอจะมองเห็นสิ่งนั้น

หากเพียงแต่เรากล้าพอจะเป็นสิ่งนั้น


อ้างอิง; CNN, The Guardian, NYT

ข่าวที่เกี่ยวข้อง;