ไม่พบผลการค้นหา
ยอดผู้ป่วยโควิด-19 ประจำวันที่ 12 ธ.ค. พบเพิ่ม 12 ราย อยู่ในสถานกันตัว ขณะในประเทศยังคงที่ ด้านอธิบดีกรมควบคุมโรคแจงยังไม่ถึงขั้นกักตัวในจังหวัดที่พบผู้ติดเชื้อโควิด

ศูนย์ข้อมูล COVID-19 รายงานสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 ในประเทศไทย ประจำวันที่ 12 ธ.ค. 2563 เวลา 11.00 น. ว่า รายงานสถานการณ์การติดเชื้อโควิด-19 มีผู้ป่วยรายใหม่ 12 ราย เป็นการติดเชื้อในประเทศ 0 ราย ผู้เดินทางมาจากต่างประเทศ 0 ราย และเป็นผู้เดินทางมาจากต่างประเทศเข้าสถานกักกันโรค (Quarantine) 12 ราย รวมสะสม 4,192 ราย 

แบ่งเป็นการติดเชื้อในประเทศ 2,462 ราย และเป็นผู้เดินทางมาจากต่างประเทศ 1,730 ราย รักษาหายป่วยแล้ว 3,915 ราย ยังรักษาอยู่ในโรงพยาบาล (รพ.) 217 ราย เสียชีวิตสะสม 60 ราย ทั้งนี้ ในจำนวนผู้ป่วยสะสม 4,192 ราย รับรักษาในกรุงเทพมหานคร (กทม.) และนนทบุรี 2,253 ราย ภาคเหนือ 162 ราย ภาคกลาง 917 ราย ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 112 ราย ภาคใต้ 748 ราย จังหวัดเชียงราย พบผู้ป่วยโควิด-19 เพิ่ม 5 ราย ในกลุ่มคนไทยกลับมาจากประเทศเมียนมา เข้ารักษาที่ รพ.เชียงรายประชานุเคราะห์

กลุ่มผู้เดินทางมาจากต่างประเทศและเข้าสถานกักกันโรค (Quarantine) 12 ราย ได้แก่

1.เยอรมนี 1 ราย ชายไทย อายุ 41 ปี อาชีพนักร้อง เมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน เดินทางถึงไทย เข้าพักในสถานกักกันโรคของรัฐ (State Quarantine) ใน จ.ชลบุรี เมื่อวันที่ 9 ธันวาคม วันที่ 11 ของการกักตัว ผลพบเชื้อไม่มีอาการ เข้ารักษาที่ รพ.สัตหีบ กม.10

2.สวีเดน 1 ราย เพศชาย สัญชาติสวีเดน อายุ 37 ปี อาชีพธุรกิจส่วนตัว เมื่อวันที่ 4 ธันวาคม เดินทางต่อเครื่องบินจากตุรกีถึงไทย เข้าพักในสถานกักกันโรคทางเลือก (Alternatives State Quarantine) ใน จ.สมุทรปราการ เมื่อวันที่ 9 ธันวาคม วันที่ 5 ของการกักตัว ผลพบเชื้อไม่มีอาการ เข้ารักษาที่ รพ.เอกชน

3.สหราชอาณาจักร 1 ราย หญิงไทย อายุ 19 ปี เป็นนักเรียน เมื่อวันที่ 6 ธันวาคม เดินทางต่อเครื่องบินจากสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ถึงไทย เข้าพักในสถานกักกันโรคทางเลือกใน กทม. เมื่อวันที่ 9 ธันวาคม วันที่ 3 ของการกักตัว ผลพบเชื้อไม่มีอาการ เข้ารักษาที่ รพ.เอกชน

4.อินเดีย 1 ราย เพศชาย สัญชาติอินเดีย อายุ 35 ปี เมื่อวันที่ 9 ธันวาคม เดินทางถึงไทยเข้าพักในสถานกักกันโรคทางเลือกของสถานพยาบาล (Alternatives Hospital Quarantine) ใน กทม. ผลตรวจพบเชื้อวันเดียวกันโดยไม่มีอาการ เข้ารักษาที่ รพ.เอกชน

5.คูเวต 1 ราย เพศชาย สัญชาติคูเวต อายุ 40 ปี อาชีพทหาร มีโรคประจำตัว เป็นโรคหัวใจเต้นผิดจังหวะ เมื่อเดือนกันยายนมีประวัติติดเชื้อโควิด-19 ต่อมาเมื่อวันที่ 5 ธันวาคม เดินทางต่อเครื่องบินจากกาตาร์ถึงไทย เข้าพักในสถานกักกันโรคทางเลือกของสถานพยาบาล (AHQ) ใน กทม. ผลตรวจพบเชื้อในวันเดียวกัน โดยไม่มีอาการ เข้ารักษาที่ รพ.เอกชน

6.บาห์เรน 7 ราย โดยทุกรายเป็นหญิงไทย เมื่อวันที่ 6 ธันวาคม เดินทางถึงไทยเที่ยวบินเดียวกันพบผู้ติดเชื้อ 1 ราย เข้าพักในสถานกักกันโรคของรัฐ (SQ) ใน จ.ชลบุรี

สถานการณ์โควิด-19 ทั่วโลก มีผู้ติดเชื้อรวม 71,432,996 ราย เป็นผู้ติดเชื้อรายใหม่ 702,513 ราย อาการรุนแรง 106,663 ราย รักษาหายแล้ว 49,633,433 ราย เสียชีวิต 1,601,088 ราย อันดับประเทศที่มีผู้ติดเชื้อสูงสุด ได้แก่ 1.สหรัฐอเมริกา จำนวน 16,295,458 ราย เป็นรายใหม่ 246,530 ราย 2.อินเดีย จำนวน 9,827,026 ราย เป็นรายใหม่ 30,034 ราย 3.บราซิล จำนวน 6,836,313 ราย เป็นรายใหม่ 52,770 ราย 4.รัสเซีย 2,597,711 ราย เป็นรายใหม่ 28,585 ราย 5.ฝรั่งเศส จำนวน 2,351,372 ราย เป็นรายใหม่ 13,406 ราย

ส่วนเมียนมา อยู่ลำดับที่ 69 ของโลก มีผู้ป่วยรายใหม่ 1,376 ราย สะสม 105,863 ราย ประเทศไทยอยู่ในลำดับที่ 151 ของโลก

ย้ำไม่จำเป็นต้องกักตัวในจังหวัดที่พบผู้ติดเชื้อ

ด้าน นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค อธิบดีกรมควบคุมโรค ระบุว่า สถานการณ์ที่เกี่ยวข้องกับท่าขี้เหล็กตอนนี้เราสามารถควบคุมได้ ประชาชนสามารถเดินทางท่องเที่ยว หรือคนที่เดินทางมาจาก 7 จังหวัดที่พบรายงานผู้ป่วยนั้นสามารถไปได้ทุกที่โดยอิสระ ไม่จำเป็นต้องกักตัว เพราะตามหลักเราจะกักตัวและตรวจเชื้อเฉพาะกรณีคนที่สัมผัสเสี่ยงสูงเท่านั้น

นพ.โอภาส ระบุว่า การสวมหน้ากากอนามัยเป็นมาตรการที่เราใช้ในปัจจุบันในการป้องกันการแพร่กระจายของโรค และเมื่อเปรียบเทียบประเทศไทยกับประเทศอื่นๆ นั้น ขอชี้แจงว่าประเทศไทยมีการสวมหน้ากากอนามัยสูงมากเกินกว่า 90% ขึ้นไป ถือเป็นมาตรการที่ทำให้ประเทศไทยสามารถป้องกันการแพร่ระบาดของโรคได้ อย่างที่ทราบผู้ติดเชื้อหากใส่หน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้าโอกาสที่เวลาหายใจ ไอ จามแล้วเชื้อฯ จะออกมานั้นน้อยกว่า 5% ดังนั้นถือว่ามีความปลอดภัยสูง อีกทั้งยังช่วยลดอัตราการป่วยโรคไข้หวัดใหญ่ และโรคระบบทางเดินหายใจลงมากกว่า 10 เท่า จึงขอให้ประชาชนร่วมกันสวมหน้ากากอนามัยให้มากทุกครั้งเมื่อไปที่สาธารณะต่างๆ และขอให้สวมให้ถูกต้องโดยครอบทั้งจมูกมาถึงคางด้วย ซึ่งตนไปตลาดแล้วไม่สบายใจที่เห็นแม่ค้าสวมหน้ากากก็จริง แต่เอาไว้ใต้จมูก ใต้ปาก

แจงบุคลากรการแพทย์ติดเชื้อทุกรายอยู่ในการดูแลของแพทย์

นพ.โสภณ เอี่ยมศิริถาวร ผอ.กองโรคติดต่อทั่วไป กรมควบคุมโรคกระทรวงสาธารณสุข ระบุว่า การสอบสวนโรคเพิ่มเติมกรณีบุคลากรการแพทย์ติดเชื้อรายที่ 6 เป็นพยาบาลหญิง อายุ 29 ปี ว่าผู้ป่วยรายนี้เคยเป็นผู้สัมผัสเสี่ยงสูงอยู่แล้ว โดยเหตุการณ์เริ่มจากการพบบุคลากรทางการแพทย์รายที่ 1 ติดเชื้อเมื่อวันที่ 3 ธ.ค. ที่ผ่านมาและได้รับการรักษาที่ รพ.เอกชน จากนั้นทำให้มีการค้นหาผู้สัมผัสใกล้ชิดเป็นผู้สัมผัสเสี่ยงสูงและเสี่ยงต่ำอีกจำนวนหนึ่ง ผลการตรวจเชื้อรอบแรกในกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูงพบผู้ติดเชื้อเพิ่มทั้งหมด 4 รายคือรายที่ 2, 3, 4 และ 5 โดยรายที่ 5 เป็นผู้ติดเชื้อแบบไม่มีอาการ เมื่อต่อมาเมื่อมีการตรวจหาเชื้อครั้งที่ 2 ในกลุ่มผู้สัมผัสเสี่ยงสูงก็พบบุคลากรทางการแพทย์รายที่ 6 ติดเชื้อเพิ่มเติมอีก 1 ราย ขณะนี้ทุกรายอยู่ในการดูแลของแพทย์อาการน้อยแบบไข้หวัด

 ทั้งนี้จากการตรวจสอบย้อนกลับไปประมาณ 5 วัน ก่อนที่ผู้ป่วยรายแรกจะเริ่มมีอาการป่วยเริ่มตั้งแต่วันที่ 3 ธ.ค. ผู้ป่วยรายที่ 6 ได้รับประทานอาหารเที่ยงกับผู้ป่วยรายที่ 1 และมีการพบกันในช่วงบ่ายระยะห่างไม่เกิน 1 เมตร ไม่ได้สวมหน้ากากอนามัยเนื่องจากเป็นกิจกรรมในชีวิตประจำวัน ต่อมาวันที่ 4 ธ.ค. ขี่รถจักรยานยนต์ไปปฏิบัติงานที่ รพ.เอกชน แผนกไอซียู และวันที่ 5 ธ.ค. ได้เข้ารับการตรวจเชื้อที่คลินิกโรคทางเดินหายใจ มีผู้มารอตรวจ 5 ราย ซึ่งเป็นผู้สัมผัสใกล้ชิดของผู้ป่วยรายที่ 1, 2 และทุกคนมีการสวมหน้ากากอนามัย จากนั้นเวลา 16.00 น. ระหว่างรอผลตรวจมีการไปซูเปอร์มาร์เกตโดยสวมหน้ากากอนามัยและหลีกเลี่ยงการอยู่ใกล้ชิดกับผู้ป่วย ต่อมาเมื่อวันที่ 6 ธ.ค. ทราบผลการตรวจว่าติดเชื้อฯ จึงได้รับคำสั่งให้กักตัวไม่ให้ออกไปไหน ต่อมาวันที่ 8 ธ.ค. เริ่มมีไข้อุณหภูมิ 37.6 องศาเซลเซียส เวลา 10.00 น. เข้ารับการรักษาในห้องแยกโรคของ รพ.