ไม่พบผลการค้นหา
นายกฯ ยันต้องให้ความเป็นธรรมผู้ถูกกล่าวหา หลังเจ้าหน้าที่บุกจับ ลูกเขย 'ชาดา' ระบุหากผิดจริงก็ต้องจัดการตามกฎหมาย ไม่ว่าจะเป็นญาติพี่น้องของรัฐมนตรีก็ตาม ขออย่าเพิ่งไปไกลจนถึงขั้นให้ 'ชาดา' รับผิดชอบด้วยการลาออกจากตำแหน่ง

เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจกองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (ปปป.) สำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) และสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) จับกุม วีระชาติ รัศมี นายกเทศมนตรีตำบลตลุกดู่ จ.อุทัยธานี ลูกเขยของ ชาดา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย พร้อมพวก ในข้อหาร่วมกันเป็นเจ้าพนักงานเรียกรับทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดโดยมิชอบ และร่วมกันเป็นเจ้าพนักงาน ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริตเมื่อวานนี้ 

โดยนายกรัฐมนตรี ระบุว่า เมื่อวานนี้ ก็ได้เห็นข่าวก็รู้สึกตกใจอยู่เหมือนกัน ซึ่งก็ต้องให้ความเป็นธรรมกับผู้ที่ถูกกล่าวหาด้วย แต่ยืนยันว่าหากกระทำผิดก็ต้องจัดการไปตามกฏหมาย ไม่ว่าจะเป็นญาติพี่น้องรัฐมนตรี อันนี้ยืนยัน

เมื่อถามต่อว่า เมื่อเป็นคนในครอบครัวของรัฐมนตรีเสียเองจะต้องมีการรับผิดชอบถึงขั้นลาออก จากตำแหน่ง เลยหรือไม่ คงไม่ไปถึงขนาดนั้นเพราะยังไม่รู้เลยว่าผิดจริงหรือไม่ ก็ต้องให้ความเป็นธรรมเขาด้วย ผิดมากน้อยขนาดไหนก็ต้องดูด้วยอย่าไปไกลถึงขนาดนั้นเลย 

เมื่อถามว่า กรณีดังกล่าว อนุทิน ชาญวีรกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยและ ชาดา ได้รายงานให้ทราบแล้วหรือไม่ นายกรัฐมนตรี ระบุว่า ยังไม่ได้รายงาน ซึ่งตนก็ได้ฟังจากที่เขาให้สัมภาษณ์ เขาก็ให้สัมภาษณ์ถูกต้องว่าเป็นใครก็ต้องจัดการ ซึ่งซึ่งตนก็ไม่แน่ใจว่าเขาพูดจริงหรือพูดติดตลกที่ว่าความจริงนายชาดาเป็นคนสั่งให้จัดการ 

เมื่อถามย้ำว่าที่ผ่านมา ชาดา เองก็เป็นบุคคลที่ไปปราบปรามผู้มีอิทธิพลแต่เรื่องกลับมาเกิดขึ้นกับบุคคลในครอบครัวเสียเอง นายกรัฐมนตรี ตอบว่า ท่านก็พยายามอยู่แล้ว ผมถึงบอกว่าไม่แน่ใจว่า ท่านเป็นคนสั่งไปซื้อเองหรือเปล่า ตนก็ไม่ทราบเหมือนกัน


พร้อมปรับโครงการดิจิทัลวอลเล็ตตามคำแนะนำ

เศรษฐา กล่าวถึงความคืบหน้าการประชุมคณะกรรมการดิจิทัลวอลเล็ตชุดใหญ่ในครั้งต่อไป ว่า เรื่องนี้ยังไม่ทราบต้องถามทางนายจุลพันธ์อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง

ส่วนการกำหนดไทม์ไลน์นั้นหลังเดินทางกลับจากต่างประเทศเมื่อวานนี้ได้คุยเบื้องต้น ซึ่งทีมงานได้คุยกับผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทยเพื่อหาวิธีการปรับแต่งเติม ตามที่ทุกภาคส่วนเสนอแนะเข้ามา ซึ่งเดี๋ยวต้องขอเจอก่อน

ส่วนที่นายกรัฐมนตรีพูดบนเวทีปาฏกถาว่าจะต้องมีการปรับเงื่อนไขในส่วนของคนรวยนั้นเป็นอย่างไร นายกรัฐมนตรี ระบุว่า ก็คืออย่างนั้นแหละ ใครจะบอกว่าคนรวยคือคนรวยใช่หรือไม่ ซึ่งตนรับฟังอยู่แล้วว่าต้องมีการปรับตรงนี้ โดยกำลังหาคำจำกัดความที่เหมาะสมและเป็นธรรมกับทุกฝ่ายว่าคนรวยคืออะไร พร้อมน้อมรับคำแนะนำจากผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทยอยู่แล้วว่าควรที่จะเจาะจงมากขึ้น บางภาคส่วนที่ไม่เดือดร้อนอาจไม่ต้องรับซึ่งรับฟังอยู่ 

เมื่อถามว่าแอปพลิเคชั่นเป๋าตังเดิมหรือแอพพลิเคชั่นอื่นสามารถพอใช้ได้หรือไม่ นายกรัฐมนตรี ยอมรับว่า ใช้ได้ 

ส่วนขณะนี้ยังยืนยันว่าให้กู้เงินมาใช้ใน โครงการอยู่หรือไม่นั้น นายกรัฐมนตรี ย้ำว่า ก็ตามที่บอกไป 

เมื่อถามถึงข้อเสนอที่ขอให้รัฐบาลทบทวน การจ่ายเงินเป็น 3 งวดแทนงวดเดียวจะนำมาพิจารณาหรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า พิจารณาแล้วก็คงคิดว่าไม่เอา เดี๋ยวคงจ่ายรวดเดียว เพราะอยากให้กระตุ้นเศรษฐกิจทีเดียว และเม็ดเงินมันใหญ่จะได้ทำให้เกิดการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ชัดเจน

ส่วนที่มีดาม่าประเด็นพรรคร่วมรัฐบาลไม่ออกตัวในโครงการดังกล่าว ในที่ประชุมมีความเห็นอย่างไร นายกรัฐมนตรี ระบุว่า ก็ไม่มีใครมีปัญหา พร้อมยืนยันว่าหนุน 

เมื่อถามถึงกรณีที่ ศิริกัญญา ตันสกุล สส.บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล ระบุว่า โครงการดิจิทัลวอลเล็ตถึงทางตันแล้ว เพราะอาจจะขัดต่อกฎหมาย นายกรัฐมนตรีฟังคำถามแต่ไม่ตอบคำถามแต่อย่างใด

เมื่อถามย้ำว่านายกรัฐมนตรีไม่กังวลในประเด็นดังกล่าวใช่หรือไม่ เศรษฐา ระบุว่า ไม่ครับ

ส่วนที่มีหลายฝ่ายเดินหน้าร้องเรียนโครงการดังกล่าวกับองค์กรอิสระจะเป็นอุปสรรคหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ก็ต้องชี้แจง เพราะองค์กรอิสระก็มีหน้าที่ของเขา ตนก็มีหน้าที่ชี้แจง

เมื่อถามว่า นายกรัฐมนตรีจะทำอย่างไรเพื่อให้ประชาชนและมุมดีๆของโครงการดังกล่าวดังกว่าเสียงท้วงติง นายกรัฐมนตรี ระบุว่า มันไม่เกี่ยวว่าดังหรือค่อยกว่า แต่อยู่ที่ว่าความจริงคืออะไร ความจริงคือ 10 ปีที่ผ่านมาจีดีพีของประเทศไทยโดยเฉลี่ยอยู่ที่ 1.8% นี่ครัวเรือนขึ้นจาก 76% เป็น 90% ซึ่งสูงสุดติดท็อปเท็นของโลก เพราะฉะนั้นประเทศไทยจึงต้องการกระตุ้นเศรษฐกิจ ต้นก็ต้องเดินสายชี้แจงและรับฟังข้อท้วงติง และเมื่อมีคนไปร้องตนต้องชี้แจง

เมื่อถามย้ำว่านายกรัฐมนตรีมีแผนสองในการกระตุ้นเศรษฐกิจหรือไม่ นายกรัฐมนตรีตอบทันทีว่า ผมไม่ได้มีแผนสอง ผมมีเป็น 10 แผนตามที่เคยกล่าวไปแล้ว เช่น การยกระดับเศรษฐกิจไทย การบริหารจัดการน้ำและหลายๆแผน

ส่วนกระแสข่าวอาจจะเลื่อนการแจกเงินจาก 1 ก.พ.67 ออกไปนั้น นายกรัฐมนตรี ระบุว่ากำลังดูอยู่ ส่วนจะทันไตรมาสแรกของปี 67 หรือไม่ เศรษฐา ระบุว่า พยายามทำให้เร็วที่สุด ส่วนเม็ดเงินดังกล่าวขอให้มีการประชุมก่อน เพราะคำถามดังกล่าวมีเข้ามาเยอะเหลือเกินหากพูดไปก็จะเกิดความสับสน

เมื่อถามกรณีที่เรียกรัฐมนตรีสัดส่วนพรรคเพื่อไทยไปประชุมบนตึกไทยคู่ฟ้าและมีการกำชับให้ทำงานควิกวิน-ส่งการบ้านภายใน 2 สัปดาห์นั้น นายกรัฐมนตรี ระบุว่า ไม่ใช่เรื่องใหม่แต่เป็นเรื่องที่เน้นไปในที่ประชุมคณะมนตรีด้วย และมีการเน้นกับครม.เพื่อไทยอีกครั้ง เพราะเราต้องให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ และอย่างที่บอกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของเรามีเยอะ หลายนโยบาย แต่ละกระทรวงก็สามารถส่งผลงานกันได้

เมื่อถามว่ารัฐมนตรีแต่ละคน พยายามที่จะเดินหน้าแต่ละงานแล้วใช่หรือไม่ นายกรัฐมนตรี ระบุว่า เป็นเรื่องภายในขอเก็บไว้ก่อน แต่หวังว่าเขาจะเดินหน้าเต็มที่ หากไม่เดินหน้าเต็มที่ก็คงเป็นหน้าที่ตนในการบริหารจัดการให้เขาเดินหน้าอย่างเต็มที่


เผยอาจมีข่าวดีเร็วๆ นี้

เศรษฐา กล่าวถึงกรณีกลุ่มฮามาส จะปล่อยตัวประกัน 50 คนเมื่อวานนี้ ว่ามีคนไทยอยู่ด้วยหรือไม่ว่า ยังไม่ได้คุยกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ปานปรีย์ พหิทธานุกร แต่เห็นท่านบอกว่าจะมีข่าวดีเร็วๆ นี้ ท่านเองก็พยายามอย่างเต็มที่ 

เมื่อถามถึงเรื่องความมั่นคง ว่าสามารถเจาะข้อมูลเชิงลึกได้มากแค่ไหน นายกรัฐมนตรี ระบุว่า เจาะได้มาก ไม่มีจุดบอด ฝ่ายความมั่นคง ทั้งผู้บัญชาการทหารสูงสุด และสภาความมั่นคงแห่งชาติทำงานอย่างเต็มที่ และมีรายงานมาโดยตลอด ส่วนต้องตั้งรองนายกรัฐมนตรี เพื่อมาดูหลักเลยหรือไม่ นายกรัฐมนตรี บอกว่าไม่จำเป็น เพราะมีสายตรงถึงตนตลอด 

เมื่อถามว่านายกรัฐมนตรี ขอให้แรงงานเดินทางกลับนั้น มีแรงงานแสดงความประสงค์เพิ่มมากขึ้นหรือไม่ นายกรัฐมนตรี ระบุว่า ตอนนี้มีแนวทางดีขึ้น และในช่วงเที่ยงวันนี้ (24 ต.ค.) ก็จะมีการคุยกัน จุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง และ กฤษฎา จีนะวิจารณะ รวมถึงทีมงานกระทรวงการคลัง เพื่อหามาตรการช่วยเหลือแรงงาน เพราะเราก็ดูเชิงลึก ว่าแรงงานแต่ละคนที่เดินทางไปต่างประเทศ มีการกู้เงินมา เหตุผลหนึ่งที่หลายคนตัดสินใจไม่กลับ ยอมเสี่ยงชีวิตก็เป็นเพราะเรื่องเงินกู้ จึงต้องกลับมาดูว่าตนสามารถช่วยเหลือตรงไหนได้บ้าง ก่อนยืนยันเราพยายามอย่างเต็มที่ ทั้งกดดันว่าอย่าให้นายจ้างเอาเงินมาล่อ ทั้งทำให้ส่วนที่ทำได้เอง ทำทุกส่วนพร้อมกัน