ไม่พบผลการค้นหา
แอมเนสตี้เผย นักเคลื่อนไหวในเวียดนามถูกสั่งจำคุกสูงที่สุดเป็นประวัติการณ์ หลังรัฐบาลเดินหน้าปราบปรามผู้ที่ออกมาวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการเคลื่อนไหวบนโลกออนไลน์

​สำนักข่าว Channel News Asia อ้างอิงรายงานฉบับล่าสุดที่ถูกเปิดโดยองค์กรเพื่อสิทธิมนุษยชนระดับนานาชาติ 'แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล' โดยระบุว่า ปัจจุบันมีนักเคลื่อนไหวในประเทศเวียดนามถูกสั่งรับโทษในฐานะ 'นักโทษทางความคิด' หรือ 'Prisoners of Conscience' รวมทั้งสิ้นอย่างน้อย 170 คน โดยขณะนี้นักโทษอย่างน้อย 70 คนถูกสั่งจำคุกเนื่องจากการเคลื่อนไหวในโลกออนไลน์โดยเฉพาะ 2 แพลตฟอร์มหลักคือ เฟซบุ๊ก และยูทูบ 

เจ้าหน้าที่ของแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล กล่าวกับสำนักข่าวรอยเตอร์ว่าจำนวนนักโทษทางความคิดในเวียดนามในปัจจุบันที่ถูกรายงาน เป็นจำนวนที่มากที่สุดเท่าที่เคยมีมา นับตั้งแต่แอมเนสตี้ฯ ได้เริ่มมีการบันทึกสถิติตั้งแต่ปี 2539 และในรายงานของแอมเนสตี้ฯ ยังระบุด้วยว่าขณะนี้ความหวังของการใช้สิทธิเสรีภาพในการแสดงออกของประชาชนลดลงอย่างมาก โซเชียลมีเดียกลายเป็นพื้นที่ที่ไร้ซึ่งสิทธิมนุษยชน ชาวเวียดนามไม่สามารถแสดงความคัดค้านหรือวิจารณ์รัฐบาลได้แม้จะเป็นการกระทำที่สงบสันติก็ตาม

แอมเนสตี้ฯ ให้คำจำกัดความของคำว่า นักโทษทางความคิด ไว้ว่าหมายถึง ผู้ที่ไม่ได้ใช้หรือสนับสนุนให้เกิดความรุนแรง แต่ถูกสั่งจำคุกเพียงเพราะอัตลักษณ์ และ ความเชื่อของเขาเองเท่านั้น

แม้ที่ผ่านมารัฐบาลพรรคคอมมิวนิสต์เวียดนามจะแสดงให้ทั้งโลกได้เห็นถึงประสิทธิภาพในการรับมือกับการระบาดของโรคโควิด-19 และการฟื้นฟูทางเศรษฐกิจที่น่าทึ่ง แต่การใช้อำนาจในการควบคุมประชาชนยังอยู่ในระดับที่ค่อนข้างสูง โดยเฉพาะอย่างยิ่งคือการ ควบคุมสื่อ ไปจนถึงการยอมให้มีพฤติกรรมการต่อต้านรัฐบาลได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น และในช่วงที่ผ่านมารัฐบาลเวียดนามก็เดินหน้าปราบปรามผู้คัดค้านและนักเคลื่อนไหวบนโลกออนไลน์อย่างจริงจัง เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการประชุมใหญ่ของพรรคที่จะเกิดขึ้นในปี 2564

ในเดือน ต.ค.ที่ผ่านมา สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานถึงกรณีที่รัฐบาลเวียดนามได้ออกมาขู่ที่จะปิดระบบการให้บริการของเฟซบุ๊กในประเทศเวียดนามหากเฟซบุ๊กไม่ยอมปฏิบัติตามการเรียกร้องในการเซ็นเซอร์ข้อมูลและเนื้อหาทางการเมืองตามที่มีการเรียกร้องจากทางการ พร้อมยืนยันในขณะนั้นด้วยว่าทางเฟซบุ๊กควรปฏิบัติตามกฎหมายท้องถิ่น ซึ่งทั้งบริษัทเฟซบุ๊กและกูเกิลต่างก็ออกมายืนยันว่าตนต่างก็ดำเนินการตามกฎหมายท้องถิ่น มาตรา 117 ที่ห้ามไม่ให้ชาวเวียดนาม สร้าง จัดเก็บ หรือแพร่กระจายเนื้อหาข้อมูลใดที่เป็นการต่อต้านประเทศชาติ