ไม่พบผลการค้นหา
อีลอน มัสก์ เจ้าของและผู้บริหารสูงสุดของทวิตเตอร์ ระบุเมื่อวานนี้ (20 ธ.ค.) ว่า เขาจะยอมลาออกจากตำแหน่งผู้บริหารสูงสุดของทวิตเตอร์ ตามผลสำรวจที่ตัวเองเปิดบนทวิตเตอร์ และมีผู้โหวตกว่า 10 ล้านคนเห็นด้วยว่าเขาควรลาออก แต่จะเป็นการลาออกต่อเมื่อมีการหาคนมาแทนที่ตัวเองได้แล้วเท่านั้น

“ผมจะลาออกจากตำแหน่งในฐานะ CEO เมื่อผมหาคนที่โง่มากพอจะมารับงานนี้ไป! หลังจากนั้น ผมจะเข้าไปดูแลทีมซอฟต์แวร์และเซิร์ฟเวอร์” มัสก์ระบุบนทวิตเตอร์ส่วนตัว

การระบุในครั้งนี้ นับเป็นครั้งแรกที่มัสก์กล่าวถึงการลาออกของตัวเองจากการเป็นผู้บริหารสูงสุดของทวิตเตอร์ หลังจากผลสำรวจที่มหาเศรษฐีรายนี้เปิดขึ้นด้วยตัวเองบนแพลตฟอร์มของตัวเอง เพื่อสอบถามชาวทวิตเตอร์ว่าพวกเขาต้องการให้ตัวเองลาออกจากตำแหน่งผู้บริหารสูงสุดหรือไม่

เกิดกระแสที่ก่อตัวมากขึ้นเรื่อยๆ ตลอดไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมานี้ในตลาดลงทุนวอลล์สตรีท ซึ่งออกมาเรียกร้องให้มัสก์ลาออกจากตำแหน่งผู้บริหารสูงสุดทวิตเตอร์ หลังจากมัสก์ทุ่มความสนใจของตัวเองและการปั่นกระแสไปกับแพลตฟอร์มออนไลน์อย่างทวิตเตอร์ แทนเทสลาบริษัทผลิตและจำหน่ายรถไฟฟ้า

มัสก์ยอมรับว่าเขารับภาระงานที่มากล้นเกินไป และระบุว่าตัวเองกำลังมองหาผู้บริหารสูงสุดทวิตเตอร์คนใหม่มาแทนที่ตัวเอง หลังจากการที่มัสก์เองทุ่มเงินเข้าซื้อทวิตเตอร์ และปลดบอร์ดบริหารทั้งหมดของทวิตเตอร์เดิมออก ก่อนแต่งตั้งให้ตัวเองเป็นผู้บริหารสูงสุดแต่เพียงผู้เดียว โดยมัสก์ระบุเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาว่า เขายังไม่มีคนมาสืบทอดตำแหน่งต่อจากตัวเองในการบริหารทวิตเตอร์ พร้อมระบุอีกว่า “ไม่มีใครก็ตามที่อยากจะทำให้ทวิตเตอร์มีชีวิตอยู่รอดต่อไปที่อยากจะเข้ามารับงานนี้”

เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา มัสก์ถามผู้ใช้ทวิตเตอร์ว่าเขาควรลาออกจากตำแหน่งหัวหน้าบริษัทหรือไม่ โดยมัสก์สัญญาว่าเขาจะปฏิบัติตามผลสำรวจความคิดเห็นของตัวเองต่อผู้ใช้ทวิตเตอร์ ทั้งนี้ ผลโพลที่ปิดเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา (19 ธ.ค.) มีผลที่ 57.5% ของผู้ใช้ทวิตเตอร์ที่บอกว่าเขาควรลงจากตำแหน่ง อย่างไรก็ดี ในฐานะเจ้าของส่วนใหญ่ของบริษัทเอกชน ไม่มีใครสามารถบังคับมัสก์ให้ออกจากตำแหน่งได้ 

การตัดสินใจแบนบัญชีที่ติดตามตำแหน่งของเครื่องบินเจ็ตส่วนตัวของเขาเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ตามมาด้วยการระงับบัญชีผู้สื่อข่าวสายวิจารณ์ตัวเขาเองจำนวนมาก ที่รายงานเกี่ยวกับการแบนบัญชีของทวิตเตอร์ นำไปสู่การที่ผู้ใช้บางส่วนเปลี่ยนไปใช้โซเชียลมีเดียอื่น ๆ แทนทวิตเตอร์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งแพลตฟอร์มใหม่อย่างมาสโตดอน ซึ่งเป็นคู่แข่งของทวิตเตอร์ ที่ถูกทวิตเตอร์แบนบัญชีผู้ใช้คู่แข่งบนแพลตฟอร์มของตัวเองด้วย

เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา มัสก์โต้ตอบด้วยการแบนลิงก์ทั้งหมดที่เชื่อมไปยังโซเชียลเน็ตเวิร์กอื่นๆ รวมถึง มาสโตดอน อินสตาแกรม เฟซบุ๊ก และแม้แต่แพลตฟอร์มย่อยๆ เช่น นอสตร์ ที่ แจ็ก ดอร์ซี ผู้ก่อตั้งทวิตเตอร์ใช้ และ ลิงก์ทรี อย่างไรก็ดี การแบนดังกล่าวถูกยกเลิกในช่วงสิ้นวัน หลังจากการสำรวจความคิดเห็นของทวิตเตอร์จากบัญชี Twitter Safety โดยมักส์กล่าวว่า “นับจากนี้จะมีการลงคะแนนเสียงสำหรับการเปลี่ยนแปลงนโยบายที่สำคัญ ผมขอโทษด้วย มันจะไม่เกิดขึ้นอีก”