วันที่ 4 ส.ค. องอาจ คล้ามไพบูลย์ รักษาการรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการแต่งตั้งนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีของรัฐบาลชุดใหม่ โดยระบุว่า ขอแสดงความยินดีกับนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีทุกท่านที่ได้รับโปรดเกล้าแต่งตั้ง เชื่อว่าสังคมและประชาชนส่วนมากพร้อมให้โอกาส และให้เวลารัฐบาลชุดใหม่ทำงานรับใช้ประชาชนบนพื้นฐานของนโยบายที่เคยประกาศไว้ตอนหาเสียง และสามารถทำตามเงื่อนไขที่รัฐธรรมนูญบัญญัติไว้ดังนี้
1. เป็นรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชนตามครรลองของระบอบประชาธิปไตย
2. เป็นรัฐบาลที่รวบรวมเสียง สส. จากพรรคการเมืองต่างๆ ได้เกินครึ่งของจำนวน สส. ในสภาผู้แทนราษฎร เท่ากับว่าเป็นรัฐบาลเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎร
3. เป็นรัฐบาลที่มี สว. จำนวนหนึ่งลงมติเห็นชอบให้แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีจากพรรคแกนนำจัดตั้งรัฐบาลคือ พรรคเพื่อไทย เป็นนายกรัฐมนตรีตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ
อย่างไรก็ดี เมื่อดูองค์ประกอบของคณะรัฐมนตรีในรัฐบาลชุดนี้แล้ว ถือว่าเป็นรัฐบาลที่ฮั้วอำนาจ และฮั้วผลประโยชน์กันอย่างลงตัว สามารถตอบสนองความต้องการของเจ้าของพรรค กลุ่มทุนที่สนับสนุนพรรค และกลุ่มอิทธิพลภายในพรรคได้ทั่วหน้า
ถ้ารัฐบาลสามารถประนอมอำนาจและผลประโยชน์ภายในพรรคร่วมรัฐบาลกันได้ ไม่มีเรื่องกระทบกระเทือนกันอย่างรุนแรง ก็เชื่อว่ารัฐบาลจะเดินหน้าทำงานได้ตลอดรอดฝั่ง แต่ก็ต้องยอมรับความจริงว่าในทางการเมือง การจัดตั้งรัฐบาลผสมจากพรรคการเมืองหลายพรรคอาจมีเรื่องกระทบกันบ้าง ก็เป็นภาระหน้าที่ของคนเป็นนายกรัฐมนตรีที่ต้องบริหารจัดการให้รัฐบาลทำงานได้อย่างราบรื่นไม่ขัดแย้งกันภายในรัฐบาล
องอาจ กล่าวเพิ่มเติมว่า เพื่อให้รัฐบาลทำงานให้เกิดผลสำเร็จตามที่ตั้งใจ จึงขอฝากหลักการพื้นฐานที่สำคัญดังนี้
1. ยึดถือประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชนเป็นหลัก มากกว่าประโยชน์ของตนเอง พรรคพวก ญาติพี่น้อง
2. เร่งแก้ปัญหาของประชาชนอย่างทันท่วงที ทั้งปัญหาเฉพาะหน้า และปัญหาระยะยาว
3. บริหารอย่างโปร่งใส เปิดโอกาสให้มีการตรวจสอบได้อย่างแท้จริง
4. ยึดถือความซื่อสัตย์ สุจริต เป็นที่ตั้งอย่างจริงจัง
เชื่อว่าถ้ารัฐบาลดำเนินการตามพื้นฐานที่สำคัญนี้ จะช่วยทำให้รัฐบาลสามารถทำงานได้ยาว และเกิดประโยชน์สุขแก่ประชาชนอย่างแน่นอน