รัฐบาลท้องถิ่นในหลายเมืองของจีนสั่งห้ามประชาชนแต่งกายไม่สุภาพอย่างเป่ยจิง บิกินี่ ซึ่งหมายถึงการใส่เสื้อกล้ามแล้วถกเสื้อโชว์ให้เห้นพุง หรือหน้าท้อง ซึ่งโดยทั่วไปจะพบการแต่งกายในลักษณะนี้ในกลุ่มผู้ชายสูงอายุในที่สาธารณะของเมืองต่างๆในตลอดช่วงฤดูร้อนของจีน
'เป่ยจิง บิกินี่' เป็นที่นิยมในกลุ่มผู้สูงอายุของจีน ซึ่งการแต่งกายลักษณะดังกล่าวรัฐบาลจีนเห็นว่าเป็นการแต่งกายที่ไร้อารยะ ไม่เป็นสากล ซึ่งรัฐบาลท้องถิ่นหลายเมืองได้ออกกฎห้ามการแต่งกายลักษณะดังกล่าวในช่วงต้นปีที่่ผ่านมา
'เมืองจี้หนาน' ที่ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของจีนออกประกาศเตือนประชาชนในเมืองเกี่ยวกับข้อห้ามกระทำผิดฉบับใหม่เกี่ยวกับการแต่งตัวแบบ เป่ยจิง บิกินี่ หรือการถกเสื้อขึ้นให้เห็นหน้าท้อง (พุง) ในที่สาธารณะ โดยเฉพาะในสถานที่ที่มีฝูงชนเช่น สวนสาธารณะ พื้นที่สาธารณะ บนรถบัส และย่านธุรกิจการค้าต่างๆ
โฆษกเมืองจี้หนานกล่าวกับสื่อของจีนว่า 'อารยธรรมของเมืองนั้นเกี่ยวข้องกับประชาชนทุกคน ทั้งนี้ทางเมืองหวังว่าประชาชนทุกคนจะช่วยกันรักษาภาพลักษณ์ของเมืองได้ และในช่วง 2- 3 ปีมานี้ ประชาชนในเมืองจี้หนานมีแนวโน้มในการแต่งกายที่ไม่เหมาะสมลดน้อยลง แต่ก็ยังมีการแต่งกายบางอย่างที่ยังคงส่งผลกระทบต่อความรู้สึกและภาพลักษณ์ของเมือง'
เมืองจี้หนานไม่ใช่ที่แรกที่ออกกฎระเบียบว่าด้วยการแต่งกายในที่สาธารณะของประชาชน เมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา 'เมืองเทียนจิน' ออกกฎห้ามผู้ชายแต่งกายไม่เหมาะสมอย่างการถกเสื้อโชว์พุง หรือถอดเสื้อในที่สาธารณะ ซึ่งหากฝ่าฝืนจะมีการลงโทษด้วยการปรับเงินสูงสุดถึง 200 หยวน หรือประมาณ 1,000 บาท โดยเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมามีชายคนหนึ่งถูกตำรวจปรับเงินประมาณ 50 หยวน หรือประมาณ 200 บาท ฐานไม่ใส่เสื้อในที่สาธารณะอย่างซูเปอร์มาร์เก็ต
ขณะที่ 'เมืองฮั่นต้าน' ในมณฑลเหอเป่ย รัฐบาลท้องถิ่นออกกฎคุมเข้าการแต่งกายของประชาชนโดยเฉพาะในกลุ่มผู้ชายที่มักชอบใส่เสื้อกล้ามแล้วถกเสื้อขึ้นมาเหนือหน้าท้อง (พุง) โดยรัฐบาลท้องถิ่นได้รณรงค์แคมเปญให้ประชาชนแต่งกายสุภาพเรียบร้อย รวมไปถึงการเผยแพร่ให้ความรู้ผ่านหนังสั้นที่มีเนื้อหาให้ผู้หญิงแนะนำแฟนหนุ่มให้รู้จักพ่อของเธอซึ่งไม่ใส่เสื้อและกำลังนั่งเล่นไพ่กับกลุ่มเพื่อนในสวนสาธารณะ ซึ่งฝ่ายชายวิจารณ์ถึงพ่อของแฟนตัวเองว่าเป็นคนที่ไร้อารยะ
ต้นกำเนิดของแฟชั่นสไตล์ 'เป่ยจิง บิกินี่' นั้นไม่มีหลักฐานว่ามีต้นกำเนิดมาจากที่ใด แต่ตามตำราแพทย์แผนจีนระบุว่า หน้าท้องเป็นแหล่งสะสมพลังงาน ดังนั้นการเปิดหน้าท้องเป็นหนึ่งในการระบายความให้ร่างกายส่วนท้อง
การแต่งกายลักษณะดังกล่าวได้กลายเป็นที่นิยมและแพร่หลายไปยังเมืองต่างๆ ของจีนมาอย่างยาวนาน และประมาณ 10 ปีที่แล้ว อาสาสมัครในปักกิ่งหลายคนต่างออกมารณรงค์ถึงวัฒนธรรมและพฤติกรรมสไตล์เป่ยจิง บิกินี่นี้ โดยระบุว่าการแต่งกายลักษณะดังกล่าวเป็น 'ความมีอารยะของปักกิ่ง' แม้ว่าในช่วงการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกรัฐบาลจีนจะรณรงค์ให้ประชาชนแต่งกายสุภาพเพื่อเป็นการประชาสัมพันธ์ภาพลักษณ์ของประเทศแต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จ
แฟชั่นสไตล์เป่ยจิง บิกินี่กลายเป็นจุดสนใจของชาวต่างชาติเป็นอย่างมาก โดยในปี 2015 ชาวต่างชาติที่อาศัยในปักกิ่งได้จัดประกวดภาพถ่ายหน้าการเปิดโชว์พุงของผู้ชาย ขณะที่เมื่อปี 2017 เป่ยจิง บิกินี่ ถูกนำไปเป็นส่วนหนึ่งของแฟชั่นโชว์ระดับโลกที่เยอรมัน ซึ่งทำให้ทั่วโลกได้เห็นการแต่งกายของชาวจีน สื่อจีนกล่าวว่า แฟชั่นดังกล่าวสะท้อนให้เห็นถึงพฤติกรรมที่ไร้อารยะของจีนซ่อนอยู่
ที่มา the Independent / china daily / vice