ไม่พบผลการค้นหา
วงเสวนาวิชาการเชื่อ รัฐประหารปี 2557 มีการเตรียมการ ก่อนรัฐประหารมีการสวนสนามใหญ่ที่สุด ขณะที่ 'เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง' เผยรู้สึกดีกับรัฐบาลยิ่งลักษณ์มากขึ้น ชี้ กปปส. เลวร้ายกว่าที่คิด หลังอ่านหนังสือที่เป็นบันทึกของ 'รศ.สมชัย'

สถาบันรัฐศาสตร์ วิทยาลัยรัฐศาสตร์ เศรษฐศาสตร์ และโลกาภิวัตน์ มหาวิทยาลัยรังสิต จัดเสวนาวิชาการภายใต้หัวข้อ “ประชารัฐประหาร: จาก กกต. สู่ ม.44” นำเสนอโดย รศ.สมชัย ศรีสุทธิยากร อดีตกรรมการการเลือกตั้ง และร่วมเสวนาโดย ศาสตราภิชานเจิมศักดิ์ ปิ่นทอง อดีต ส.ว.กทม. ผศ.วันวิชิต บุญโปร่ง รองคณบดีฝ่ายบริหาร สถาบันรัฐศาสตร์ และดำเนินรายการโดย รศ.ดร.วีระ สมบูรณ์ คณบดีสถาบันรัฐศาสตร์ 

โดย รศ.สมชัย ได้หยิบยก เหตุการณ์ตั้งแต่ก่อนการรัฐประหาร ผ่านการมีส่วนร่วมโดยตนเอง ขึ้นมาอภิปราย เพื่อสรุปบทเรียน โดยเฉพาะเหตุการณ์ดังกล่าวเป็นการรัฐประหารที่มีการเตรียมการหรือไม่ เป็นการสืบทอดอำนาจที่มีการเตรียมการหรือไม่ ทุกฝ่ายได้ แสดงบทบาทที่เหมาะสมหรือไม่ ย้อนอดีตอยากเปลี่ยนแปลงอะไรหรือไม่ 

ขณะเดียวกัน รศ.สมชาย ยังหยิบยกบทที่ 21 และบทที่ 22 ซึ่งสอดคล้องกับวันที่มีการรัฐประหารปี 2557 ขึ้นมาอภิปราย ซึ่งถือเป็น 2 บทที่มีความสำคัญที่สุดของหนังสือ กกต. มาตรา 44 โดยเล่าถึงการพูดคุย และวินาทีการประกาศยึดอำนาจ ของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบกในขณะนั้น 

รวมถึงการประชุม 7 ฝ่ายเพื่อหาทางออกของประเทศ กับการเตรียมไปตอบโจทย์ คำถาม 5 คำถาม ที่พลเอกประยุทธ์ ตั้งให้ไปนอนคิดหาคำตอบกันเมื่อเย็นวันวาน

1) การปฏิรูปจะทำอย่างไร จะปฏิรูปก่อนหรือหลังเลือกตั้ง

2) รัฐบาลรักษาการ หรือรัฐบาลเฉพาะกาล จะได้มาอย่างไร

3) ควรจะมีการทำประชามติหรือไม่

4) การสร้างบรรยากาศเพื่อนำไปสู่การเลือกตั้งจะทำอย่างไร

5) ขอให้กลุ่มผู้ชุมนุม กปปส.และ นปช.ยุติการชุมนุม เพื่อให้สถานการณ์คลี่คลายสามารถนำไปสู่บรรยากาศการเลือกตั้งที่สำเร็จได้ จะทำได้หรือไม่

ทั้งหมดเป็นสาระสำคัญที่มีการพูดคุยกันแต่ทุกฝ่ายไม่สามารถตกลงกันได้ พล.อ.ประยุทธ์จึงประกาศยึดอำนาจ “อย่าคิดสู้ พวกคุณสู้ผมไม่ได้หรอก” 

ด้านนายเจิมศักดิ์ ปิ่นทอง อดีต ส.ว.กทม. ระบุว่าหลังจากได้อ่านหนังสือและฟังการสรุปของ รศ.สมชัย แสดงความเข้าใจได้รัฐบาลของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร มากขึ้น วัดต้องทำงานด้วยความยากลำบาก และเชื่อว่า หากพิจารณาจากการรวบรวมบรรยากาศและบันทึกของนายสมชัย มองว่า "กปปส.เลวร้ายกว่าที่ผมคิดเยอะ" และ"รู้สึกดีกับรัฐบาลยิ่งลักษณ์ขึ้นมานิดนึง" และเชื่อว่า กระบวนการทั้งหมด"เป็นการรัฐประหารที่มีการเตรียมการแน่นอนอย่างไม่ต้องสงสัย"

ขณะที่ นายวันวิชิต บุญโปร่ง อภิปรายโดยตั้งข้อสังเกตว่าความคิดของฝ่ายทหาร มองว่าฝ่ายการเมืองมีส่วนเกี่ยวบ่มเชื้อความขัดแย้ง ซึ่งเป็นข้ออ้างที่ทหารเข้ามาจัดการ ต่อฝ่ายการเมืองและนำไปสู่การรัฐประหาร 

และ พล.อ.ประยุทธ์ ซึ่งเป็นผู้บัญชาการทหารบกในขณะนั้น มีความพร้อม และเคยประกาศในทำนองว่า "ม็อบ อย่ามาสู้ "ซึ่งเป็นเสมือนการปราม จึงเห็นด้วยว่ามีการเตรียมการเพื่อรัฐประหาร และจะสังเกตได้จาก ช่วง ก่อนการรัฐประหาร ประมาณ มกราคม 2557 มีการสวนสนาม เป็นการสวนสนามที่ยิ่งใหญ่ที่สุด โดยอ้างว่า พล.อ.ประยุทธ์ จะเกษียณราชการ และในครั้งนั้น มียุทธโธปกรณ์ ที่มากกว่าปกติ ขณะที่ฝ่ายข้าราชการรวมถึงฝ่ายการเมือง ไม่มีผู้ใดออกมาแสดงบทบาท ในฐานะที่จะขับเคลื่อนการบริหารประเทศ ให้เดินหน้าต่อไปได้ มีเพียงบทบาทของพล.อ.นิพัทธ์ ทองเล็ก ปลัดกระทรวงกลาโหม เพียงคนเดียวเท่านั้นที่ออกมาแสดงท่าที ในการปรามมวลชน จึงเชื่อว่า ปี2557 ที่เกิดการรัฐประหาร มีการเตรียม และต่อมาเมื่อมีการร่างรัฐธรรมนูญก็เป็นคนหน้าเดิมอย่าง นายมีชัย ฤชุพันธุ์ อดีตประธาน กรธ. นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ อดีตประธานกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ เพื่อรักษาอำนาจ ให้อยู่ยาว และเป็นเจตนารมณ์ที่จะปูทางเพื่อสร้างประชาธิปไตยด้วยรูปแบบของตนเอง