เริ่มจากกลุ่มของ ‘ตู่’ จตุพร พรหมพันธุ์ ประธาน นปช. ที่จัดกิจกรรม "ไทยไม่ทน สามัคคีประชาชน เพื่อประเทศไทย" โดยรวมพล ‘เสื้อแดง - เสื้อเหลือง’ เข้าด้วยกัน โดยมีเป้าหมายเดียวกัน คือ ขับไล่ พล.อ.ประยุทธ์ ที่อนุสรณ์สถานพฤษภาประชาธรรรม สวนสันติพร ดีเดย์ไปเมื่อ 4 เม.ย. เวลา 4 โมงเย็น
เมื่อเปิดรายชื่อ ‘แกนนำ’ คนอื่นๆ ของกิจกรรมครั้งนี้ ได้แก่ ‘อดุลย์ เขียวบริบูรณ์’ ประธานคณะกรรมการญาติวีรชนพฤษภา 35 ‘พิภพ ธงไชย’ อดีตแกนนำพันธมิตร ‘วีระ สมความคิด’ ประธานกลุ่มพิทักษ์เสรีภาพประชาชน และเลขาธิการเครือข่ายประชาชนต้านคอร์รัปชัน ‘ไบรท์ ชินวัตร จันทร์กระจ่าง แกนนำกลุ่มคนรุ่นใหม่นนนทบุรี เป็นต้น
ทั้งนี้ฝ่ายความมั่นคงมองว่า อดีตคนเสื้อเหลืองที่มาร่วม ไม่ใช่ ‘แกนนำหลัก’ ที่มีพาวเวอร์นำมวลชน เฉกเช่น ‘สนธิ ลิ้มทองกุล’ จึงทำให้ไม่มีความกังวลในเรื่องนี้ ส่วนการออกมาของ ‘จตุพร’ ก็มีนัยสำคัญ หลัง ‘จตุพร’ ประกาศนัดชุมนุมในห้วงเวลาที่ ‘เต้น’ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ อดีตแกนนำ นปช. ถอดกำไลอีเอ็ม พ้นโทษพอดี
ย้อนกลับไปก่อนหน้านี้ ช่วงต้นปี 2564 มีความเคลื่อนไหวในฝั่ง นปช. หลัง ‘ธิดา ถาวรเศรษฐ’ อดีตประธานที่ปรึกษา นปช. ได้ทำโพลขึ้นมา 3 ข้อ โดยทิศทางของผลสำรวจคือไม่ยุบ นปช. แต่ให้มีการปรับเปลี่ยนแกนนำในตำแหน่ง ประธาน นปช. เท่ากับเป็น ‘โพลบีบ’ ไปยัง ‘จตุพร’ ถึงอนาคตทางการเมือง
การออกมาของ ‘จตุพร’ ครั้งนี้ จึงถูกมองว่าเป็นการ ‘ปูทาง’ เพื่อหา ‘ที่ทาง’ ของตัวเองในอนาคต หากต้องพ้นตำแหน่งประธาน นปช. ไป
ซึ่งมีการมองว่า ‘เต้น-ณัฐวุฒิ’ จะมารับตำแหน่งแทน โดย ‘ณัฐวุฒิ’ ก็ถือเป็นสายเดียวกับ ‘ธิดา’ ที่ได้แยกทางเดินจาก ‘จตุพร’ ตั้งแต่ก่อนเลือกตั้งปี 2562
โดย ‘จตุพร’ ไปอยู่กับพรรคเพื่อชาติ ส่วน ‘ธิดา-ณัฐวุฒิ-นพ.เหวง’ ไปอยู่กับพรรคไทยรักษาชาติ และแยกการทำสื่อจากกัน โดย ‘จตุพร’ มีช่องพีซทีวี ตั้งอยู่ที่รามอินทรา 40 ส่วน ‘ธิดา’ มีช่อง UDD News อยู่ย่านแคราย
ล่าสุด ‘จตุพร’ ประกาศว่า ถ้า ‘ณัฐวุฒิ’ ไปร่วมกับม็อบคนรุ่นใหม่ในขณะนี้ ตนก็จะลาออกจากประธาน นปช. ซึ่งท่าทีของ ‘ณัฐวุฒิ’ หลังจากพ้นโทษ ก็ยังไม่ฟันธงชัดถึงอนาคตตัวเองจะไปทิศทางใด แต่ย้ำหลักการสู้เพื่อประชาธิปไตย เชื่อกันว่า ‘ณัฐวุฒิ’ เองก็กำลัง ‘ดูทางลม’ อยู่ตอนนี้
ส่วนการเคลื่อนไหวของ ‘จตุพร’ ฝ่ายความมั่นคงก็จับตาเช่นกัน เป็นที่น่าสังเกตว่า ‘ข้อเรียกร้อง’ ที่เกิดขึ้น มีการ ‘ลดเพดาน’ ไม่มีการพูดถึงสถาบัน
จึงมีการมองว่าเป็น ‘ปฏิบัติการแยกแดงออกจากส้ม’ หรือไม่
รวมทั้งเป็นการ ‘แสดงศักยภาพ’ ของ ‘จตุพร-คนเสื้อแดง’ ในการต่อสู้ทางการเมือง เพื่อขับไล่ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นหลัก โดยเน้นย้ำว่า “เอาประยุทธ์ออกไปก่อน” เพื่อปูทางไปสู่ข้อเรียกร้องอื่นๆ เช่น การแก้รัฐธรรมนูญ แต่ไม่มีการแตะเรื่องสถาบัน
ทั้งนี้มีการมองว่าการออกมาของ ‘กลุ่มสามัคคีประเทศไทยฯ’ มีนัยสำคัญเพื่อมา ‘ลดเพดาน’ ในเรื่องข้อเรียกร้องหรือไม่ ซึ่งสิ่งเหล่านี้ก็เป็น ‘ดาบสองคม’ กับฝั่งผู้มีอำนาจเองด้วย เพราะอีกแง่ข้อเรียกร้องที่ลดเพดานลง ก็เป็นการ ‘เพิ่มแนวร่วม’ ไปในตัว ในการรวมพลคนที่มีศัตรูร่วมกันคือ พล.อ.ประยุทธ์ นั่นเอง
อีกทั้งผู้มีอำนาจ ก็ไม่มีความชอบธรรมที่จะไปสลายการชุมนุมด้วย ซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ ก็ติดตามความเคลื่อนไหวของคนเสื้อแดง
พล.อ.ประยุทธ์ เคยกล่าวถึงกรณี ‘จตุพร’ นัดม็อบชุมนุม 4เม.ย. ว่า “มีคนมาพูดแล้วว่าเขาไม่สนับสนุนด้วย แม้กระทั่งผู้นำเสื้อแดงเก่าๆ เขาก็บอกเขาไม่เอาด้วย ก็แล้วแต่เขานะ ผมมีแต่แค่อย่าทำผิดกฎหมายเท่านั้นเอง” ทำให้เกิดคำถามว่า นายกฯ ตามการเคลื่อนไหวของกลุ่มเสื้อแดง โดย พล.อ.ประยุทธ์ ตอบกลับว่า “ฉันรู้ทุกเรื่อง”
หนึ่งในอดีตคีย์แมนสายบู๊ นปช. ที่มาอยู่ข้างกาย พล.อ.ประยุทธ์ นั่นคือ ‘แรมโบ้ อีสาน’เสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี ที่เดินเกม ‘บลัฟ’ ต่อการเคลื่อนไหวของ ‘จตุพร’ โดยปลุกมวลชนเสื้อแดงขึ้นมาแสดงพลังไม่เห็นด้วยกับการเคลื่อนไหวของ ‘จตุพร’ ในหลายพื้นที่ พร้อมออกตัวเป็น ‘องครักษ์พิทักษ์ประยุทธ์’ และการออกมาแฉกันเองระหว่าง ‘แรมโบ้-จตุพร’ ด้วย
ที่ผ่านมา ‘แรมโบ้ อีสาน’ เคยลงพื้นที่ ‘สลายหมู่บ้านเสื้อแดง’ ด้วยการทำพิธีคืนป้ายหมู่บ้านเสื้อแดง และมอบธง ‘หมู่บ้านวิสาหกิจฯเรารักประเทศไทย’ แทน โดยมีกุนซือคนสำคัญอย่าง ‘อานนท์ แสนน่าน’ ผู้ริเริ่มก่อตั้งหมู่บ้านเสื้อแดง อดีตประธานหมู่บ้านเสื้อแดงแห่งประเทศไทย นำแกนนำหมู่บ้านเสื้อแดงพื้นที่ต่างๆ ประกาศไม่ร่วมชุมนุมกับ ‘จตุพร’ ด้วย
ทั้งนี้ ‘จตุพร’ ได้กล่าวตอนหนึ่งบนเวทีปราศรัยเมื่อวันที่ 4 เม.ย.ที่ผ่านมา ว่า พวกหมู่บ้านเสื้อแดงเคยต้ม ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ มาแล้ว วันนี้ก็จะต้ม พล.อ.ประยุทธ์ อย่างนั้น ถ้า พล.อ.ประยุทธ์ ไปเชื่อ ผมจะฉายภาพให้ดูว่าเป็นของต้ม ที่ผมว่า ให้ พล.อ.ประยุทธ์ จับแขนดูว่าเปื่อยหรือยัง เพราะว่ามันต้ม 100% ใครเชื่อก็ออกลูกเป็นลิง
อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมา ‘จตุพร’ ในสายตาคนเสื้อแดงเปลี่ยนไปจากอดีต โดยถูกตั้งคำถามถึงจุดยืนและการเคลื่อนไหวต่างๆ
มากันที่อีกความเคลื่อนไหว คือ การเกิดขึ้นของกลุ่ม OctDem รวมพลคนเดือนตุลา หรือชื่อเต็มๆ ว่า กลุ่มคนเดือนตุลาเพื่อประชาธิปไตย (Octoberists For Democracy) ประกอบด้วยเกรียงกมล เลาหไพโรจน์ จาตุรนต์ ฉายแสง สมศักดิ์ ปริศนานันทกุล ศ.ดร.ชาญวิทย์ เกษตรศิริ ศ.ดร.ธเนศ อาภรณ์สุวรรณ นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช พนัส ทัศนียานนท์ นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี จัดแถลงข่าวที่ มธ.ท่าพระจันทร์ เปิดตัวกลุ่ม
โดยมีข้อเสนอให้ปล่อยตัวแกนนำม็อบเป็นหลัก ซึ่งกลุ่มยังไม่ได้ลงลึกไปในรายละเอียดอื่นๆ แต่ในระดับปัจเจกต่างมีแนวคิดไปในทางเดียวกัน ส่วนประเด็นข้อเรียกร้องปฏิรูปสถาบันนั้น ทางกลุ่มก็ไม่ได้เน้นในเรื่องนี้ แต่เน้นในเรื่องหลักนิติธรรมเป็นหลัก
ฝ่ายความมั่นคง มองกลุ่ม OctDem ว่า เป็นการใช้ชื่อล้อกับ ‘ReDem’ ของกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่เคลื่อนไหว แต่กลุ่ม OctDem นั้น จะมีภาพความเป็น ‘วิชาการ’ หรือเป็น ‘Think Tank’ มากกว่า รวมทั้งจับตาว่าจะมาร่วม ‘สนามการเมือง’ ใดในอนาคตหรือไม่ ท่ามกลางกระแสการตั้งพรรคต่างๆ ที่เกิดขึ้นในเวลานี้
ทั้งหมดนี้เปรียบเป็น ‘ระเบิดเวลา’ ที่ พล.อ.ประยุทธ์ มิอาจนิ่งเฉยได้ แม้การออกมาเช่นนี้ จะมีลักษณะที่ ‘ผู้มีอำนาจ’ คุมได้
แต่หากปฏิบัติการ ‘รวมพลคนเบื่อ พล.อ.ประยุทธ์’ ขยายตัวใหญ่ขึ้น ก็ทำให้ ‘ระบอบ 3 ป.’ สั่นคลอน แต่สิ่งนี้เป็นเพียงเริ่มต้น
เพราะ ‘ระบอบประยุทธ์’ เป็นสิ่งที่ฝังรากไปในองคาพยพต่างๆ ไม่ใช่เพียง ‘ตัวบุคคล’ อีกต่อไป
ถือเป็นปฏิบัติการ ‘ลดเพดาน’ เพื่อ ‘เพิ่มแนวร่วม’ นั่นเอง
ข่าวที่เกี่ยวข้อง