ไม่พบผลการค้นหา
'โรม' มอง 2 สส. แสดงสปิริตลาออกเอง จะดีที่สุด ปัด 'ก้าวไกล' มีการเมืองภายใน ทุกคนใช้ดุลยพินิจตัดสินใจ ตามความรู้สึกผิดชอบชั่วดีของแต่ละคน

วันที่ 2 พ.ย. ที่อาคารรัฐสภา รังสิมันต์ โรม สส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์กรณีมติพรรคก้าวไกลขับ วุฒิพงศ์ ทองเหลา สส.ปราจีนบุรี พ้นพรรค และ ไม่ขับ ไชยามพวาน มั่นเพียรจิตต์ สส.กทม. ทั้งที่ทั้ง 2 คนมีพฤติกรรมคุกคามทางเพศ 

รังสิมันต์ มองว่า โดยส่วนตัว เรื่องที่ดีที่สุดของเรื่องนี้คือ จบที่การลาออกของตัวผู้ที่ถูกพิจารณา ซึ่งหากลาออกได้ก็ถือเป็นการแสดงสปิริตความรับผิดชอบ แต่เท่าที่ฟังจากการให้สัมภาษณ์ของผู้ที่ถูกพิจารณา ที่อยากจะพิสูจน์ในชั้น กกต. แต่เมื่อลาออกแล้วหากจะพิสูจน์ในชั้นกกต. ก็สามารถทำได้ แต่ต้องยอมรับว่าเมื่อกระบวนการถึงขั้นนี้จะต้องมีความรับผิดชอบทางการเมืองตามมา 

ส่วนตัวมองว่าหากจบด้วยการลาออกจะเป็นการแสดงถึงสปิริตอย่างหนึ่ง แต่ไม่สามารถที่จะตัดสินใจแทนได้ หากตัวผู้ถูกร้องได้พิจารณาอย่างถี่ถ้วนก็อยากให้เห็นในข้อดีว่าการลาออกจะเป็นผลดีกับทุกฝ่ายในเวลานี้

เมื่อถามว่าการผลการลงมติที่ออกมาเป็นเกมการเมืองภายในพรรคก้าวไกลหรือไม่ รังสิมันต์ กล่าวว่า ไม่สามารถที่จะบอกได้ว่ามีปัญหาการเมืองเช่นนั้นมองว่าการลงมติเมื่อวาน (1 พ.ย.) เป็นการลงมติที่เกิดจากการตัดสินใจของที่ประชุมจริงๆ เมื่อการตัดสินใจโดยใช้เวลาร่วม 5 ชั่วโมงเพื่อรับฟังในข้อเท็จจริงต่างๆ สุดท้ายทุกคนลงคะแนนเสียงด้วยดุลยพินิจไม่คิดว่าจะเป็นเป็นการช่วยเหลือกัน หรือเป็นเรื่องของการเมืองภายใน มองว่าเป็นเรื่องของการฟังข้อเท็จจริงแล้วตัดสินใจไปแบบนั้น ดังนั้นเมื่อผลที่ออกมาจึงเป็นไปตามข้อบังคับของพรรคก้าวไกล   

สำหรับกรณีของ สส. ปราจีนบุรี มีโทษ 4 สถานหนักคือการขับออกจากการเป็นสมาชิกรองลงมาคือการไม่ให้ได้รับสิทธิ์ในรูปแบบต่างๆ ซึ่งเคยใช้กับกรณีงูเห่าของพรรคในรอบที่แล้ว เช่น งานการเมืองหรือการลงพื้นที่ไม่สามารถประชาสัมพันธ์ได้ว่ามาจากพรรคก้าวไกล หรือใส่เสื้อพรรคได้ สำหรับเรื่องการส่งลงรับสมัครเลือกตั้งต่อนั้นเป็นไปไม่ได้

ดังนั้น ทั้งหมดที่เกิดขึ้นทั้งสองกรณีเป็นการกระทำตามความผิดวินัยร้ายแรงซึ่งสามารถเลือกได้ว่าจะลงโทษในสถานไหนการขับออกหรือการไม่ให้ใช้สิทธิ์ต่างๆของพรรค โดยเป็นการตัดสินใจร่วมกันของ สส. ซึ่งตามรัฐธรรมนูญการขับออกจากพรรคต้องใช้เสียงสามในสี่เสียง สำหรับกรณีที่ สส.ไชยามพวาน ไม่ออกมาขอโทษต่อผู้เสียหายก็อาจจะมีการร้องขอให้ประชุมกันอีกครั้ง อีกครั้งเพื่อให้มีการขับต่อไปโดยการโดยการใช้โทษสถานหนัก

เมื่อถามว่าการประชุมพรรคก้าวไกลเมื่อวานนี้ มี สส. แสดงความคิดเห็นว่าไม่ควรขับนายไชยามพวานบ้างหรือไม่นั้น รังสิมันต์ โรม กล่าวว่า ไม่ขอลงรายละเอียดในเรื่องนี้ โดยคิดว่าเป็นข้อตกลงที่คุยกันในพรรคว่าสุดท้ายให้เป็นข้อสรุปที่ทุกคนให้ข้อคิดเห็นในรูปแบบต่างๆ ทุกคนพยายามใช้ดุลยพินิจจากข้อเท็จจริง หรือพยานหลักฐาน เนื้อหาสาระ และการสรุปข้อมูลจากคณะกรรมการวินัย และคณะกรรมการบริหารพรรคอย่างเต็มที่โดยใช้เวลา 5 ชั่วโมงกว่า ในการรับฟังเรื่องนี้โดยคิดว่าเมื่อผลออกมาเป็นอย่างไรจะเป็นกระบวนการของพรรคก้าวไกลแล้ว 

สำหรับการเปลี่ยนโปรไฟล์เป็นสีดำและโพสต์ข้อความในลักษณะที่ไม่เห็นด้วยต่อมติของพรรคก้าวไกลนั้น รังสิมันต์ กล่าวว่า พรรคก้าวไกลเป็นพรรคการเมืองที่มีบุคคลที่หลากหลายเข้ามาทำงานในรูปแบบต่างๆ เมื่อมีความเห็นด้วยพรรคไม่ได้ปิดกั้นเรื่องของการแสดงความเห็น ซึ่งในระยะยาวพรรคก้าวไกลเองจะต้องทำความเข้าใจ หรือรณรงค์ในเรื่องของความรุนแรงทางเพศที่เกิดขึ้น ซึ่งไม่ได้เกิดขึ้นเพียงเฉพาะพรรคก้าวไกล แต่เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นทั่วไปภายในสังคม พรรคจะต้องมีบทบาททำงานให้หนักขึ้นในการทำความเข้าใจในเรื่องนี้ คงต้องใช้ความเข้าใจภายในพรรคต่อไปโดยส่วนตัวไม่ได้เป็นห่วงในเรื่องนั้น ไม่ได้เป็นเรื่องที่น่ากังวลอะไร 

เมื่อถามว่ามติในที่ประชุมออกมาแตกต่างกันทั้ง 2 กรณี จะเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างคนมีเส้นสายและไม่มีเส้นสายหรือไม่ รังสิมันต์ กล่าวว่า คิดว่าไม่ใช่เรื่องเส้นสาย ผู้ที่รับฟังในที่ประชุมจะต้องชั่งน้ำหนักซึ่งอาจมีบางคนที่ชั่งน้ำหนักทั้ง 2 กรณีเท่ากัน หรือบางคนชั่งน้ำหนักแล้วรู้สึกว่าทั้ง 2 กรณีมีผลที่แตกต่างกันโดยสิ่งที่จะต้องย้ำให้ชัดคือมี 2 องค์ประกอบที่พิจารณาคือในส่วนของความผิดที่จะต้องยึดตามกรรมการบริหารพรรค และส่วนที่จะกำหนดโทษว่าจะร้ายแรงในระดับที่เท่าใดนั้น ซึ่งเป็นหน้าที่ของประชุม สส. กำหนด ที่ทุกคนตัดสินด้วยความรับผิดชอบชั่วดี ด้วยความรู้สึกนึกคิดของแต่ละคน